อัปเดตอาการ “น้องอุ้ม” พยาบาล รพ.อุ้มผาง ชูสองนิ้วสู้ๆ ได้แล้ว อาการภาพรวมดีขึ้นต่อเนื่อง รู้สึกตัวดี สามารถทำตามคำสั่งง่ายๆได้บ้างในบางครั้ง

487

อัปเดตอาการ “น้องอุ้ม” พยาบาล รพ.อุ้มผาง ชูสองนิ้วสู้ๆ ได้แล้ว อาการภาพรวมดีขึ้นต่อเนื่อง รู้สึกตัวดี สามารถทำตามคำสั่งง่ายๆได้บ้างในบางครั้ง

วันที่ 21 ก.ค. 65 โรงพยาบาลราชวิถี ออกประกาศ โรงพยาบาลราชวิถี เรื่อง รายงานความคืบหน้าอาการ “น้องอุ้ม” พยาบาล รพ.อุ้มผาง มารับการรักษาตัว ณ โรงพยาบาลราชวิถี (ฉบับที่ 13) ระบุว่า ความคืบหน้าอาการผู้ป่วยในขณะนี้ พบว่า ผู้ป่วยมีภาพรวมการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ระดับการรู้สึกตัวดี สามารถทำตามคำสั่งง่ายๆ ได้บ้างในบางครั้ง เช่น บอกให้ยกมือ ผู้ป่วยสามารถยกมือได้ แขนและขาข้างซ้ายมีแรงขยับตามแนวราบ ส่วนแขนและขาข้างขวาขยับเองได้ดีกว่าข้างซ้ายเล็กน้อย ทั้งนี้ ยังคงมีนักกายภาพบำบัดเข้ามาดูแลอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยฟื้นฟูกำลังกล้ามเนื้อ และหากมีอาการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ทางโรงพยาบาลจะแจ้งความคืบหน้าให้ทราบในลำดับถัดไป

XS2Bpf.jpg
ภาพจาก เรื่องเล่าหมอชายแดน

โดยเฟซบุ๊ก “เรื่องเล่าหมอชายแดน” ระบุเพิ่มเติมถึงอาการน้องอุ้ม ว่า ล่วงเข้าเดือนที่ 7 หลังจากเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลราชวิถีในแผนกศัลยกรรมประสาท ผ่านคืนวันที่โหดร้ายที่สุดในชีวิตด้วยอุบัติเหตุรถรีเฟอร์ชนกับรถบรรทุกบนถนนสายแม่สอด-อุ้มผาง น้องอุ้มเป็นพยาบาลบนรถรีเฟอร์คันนั้น วันแรกที่น้องประสบอุบัติเหตุเข้ารับการผ่าตัดโดยศัลยประสาทแพทย์หญิงคนเดียวของโรงพยาบาลแม่สอด หลังผ่าตัดน้องรอดชีวิตแต่อาการยังโคม่าน้องไม่ตื่น ไม่ขยับเลยเพราะสมองบวมมาก น้องได้ย้ายมารักษาที่โรงพยาบาลราชวิถีด้วยการประสานงานจากทางโรงพยาบาลแม่สอดและความช่วยเหลือจากกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข มุ่งมั่นจะรักษาน้องอย่างดีที่สุด จะฟื้นฟูกายภาพให้น้องกลับมาใกล้เคียงปกติ อยากให้น้องกลับมาทำงานที่น้องรักและทุ่มเท อีกทั้งยังเป็นความหวังของคนอุ้มผางที่รอพยาบาลคนท้องถิ่นของพวกเขา น้องเข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยไอซียูนานกว่า 2 เดือนและย้ายออกมาพักฟื้นที่ห้องพิเศษเป็นผู้ป่วยในพระบรมราชานุเคราะห์มาตั้งแต่แรกจึงไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ คุณพ่อได้ย้ายไปช่วยราชการที่กรุงเทพ คุณแม่ไปเฝ้าที่โรงพยาบาลตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน ครอบครัวทุ่มเทเสียสละไปดูแลอย่างเต็มที่ 24 ชั่วโมง ทีมโรงพยาบาลราชวิถีดูแลน้องเป็นอย่างดี โดยเฉพาะทีมกายภาพบำบัดที่มีบทบาทมากๆในช่วงหลัง จากที่น้องนอนโคม่าติดเตียงใช้เครื่องช่วยหายใจ จนวันนี้น้องลืมตาเองได้ สื่อสารเข้าใจคำสั่งง่ายๆได้ นั่งได้โดยการประคอง หัดเกาะยืน แขนขาซ้ายอ่อนแรงเคลื่อนไหวในแนวราบได้ แขนขาขวามีแรงเกรด 4 สามารถบริหารเองและชูสองนิ้วสู้ๆ ได้แล้ว ทุกคนดีใจมากๆ

เงินกองทุนช่วยเหลือน้องอุ้มที่พวกเราได้ร่วมบริจาคทั่วประเทศผ่านบัญชีกลุ่มการพยาบาลโรงพยาบาลอุ้มผางจนถึง 4 เมษายน 2565 เป็นเงิน 1,710,254.56 บาท ได้มอบให้คุณพ่อคุณแม่เป็นค่าใช้จ่ายในช่วงรักษาตัวโดยแบ่งจ่ายเป็นรายเดือนตามความเหมาะสมและเตรียมไว้สำหรับอนาคต
เมสเสจที่น้องอุ้มส่งมาให้พวกเราในวันนี้คือ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นขอให้ สู้ สู้ ร่างกายและจิตใจของมนุษย์แข็งแกร่งและมหัศจรรย์แค่ไหน และทุกชีวิตสามารถเริ่มใหม่ได้เสมอ ครอบครัวและการช่วยเหลือซัพพอร์ตจากมนุษย์ด้วยกันไม่ว่าเรื่องใดๆสำคัญต่อการรอดชีวิตของมนุษย์คนหนึ่งมากๆ ต้นทุนสุขภาพที่ดี สุขภาพที่แข็งแรงจากการออกกำลังกายสม่ำเสมอ จิตใจที่ดีของน้องอุ้มเป็นเหตุหลักให้ฟื้นฟูได้เร็วขึ้น
XS2h4a.jpg