ชาวเชียงใหม่ทนไม่ไหว แห่ติดแก๊สหนีราคาน้ำมันแพงลิ่ว ผู้ประกอบการเผยคิวแน่นถึงสิ้นเดือน เคราะห์ซ้ำถังแก๊สขาดตลาด แถมขึ้นราคาอีกกว่า 50 เปอร์เซ็นต์
วันที่ 11 มี.ค. 65 รายงานข่าวแจ้งว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบกับภาคการขนส่ง แต่ยังทำให้คนทั้งประเทศต้องเดือดร้อนหนัก ล่าสุดผู้ใช้รถหลายรายในจังหวัดเชียงใหม่สู้ราคาน้ำมันไม่ไหว พากันนำรถไปติดตั้งระบบแก๊ส หวังลดค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงจนทำให้อู่ติดตั้งแก๊สรถยนต์คิวแน่น คิวจองยาวไปถึงสิ้นเดือน
ขณะที่ทางผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจพบว่า หลายจุดทีมช่างเร่งติดตั้งระบบแก๊สแอลพีจีให้กับลูกค้ามีทั้งรถเก๋ง รถอเนกประสงค์ รวมทั้งแท็กซี่ ตุ๊กตุ๊ก ขณะที่ทางร้านมีกำลังการติดตั้งได้สูงสุดวันละ 5 คัน แต่คิวจองที่เริ่มมากขึ้นตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม ทำให้ต้องจองคิวล่วงหน้า ล่าสุดคิวติดตั้งเต็มถึงสิ้นเดือนมีนาคม
จากการสอบถามทางด้าน นายนิติ สุริยะกานนนท์ ผู้จัดการบริษัทพีเจออโต้ บอกว่า ก่อนหน้านี้ในช่วงที่น้ำมันยังไม่แพงมาก งานติดตั้งค่อนข้างเงียบเหงา แต่หลังจากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องจากหลายปัจจัย ทำให้ผู้ใช้รถหันมาใช้แก๊สกันมากขึ้น มีการโทรจองคิวติดตั้งเข้ามาทุกวัน ลูกค้าทั้งหมดบอกว่าน้ำมันแพงจนรับไม่ได้อีกต่อไป โดยลูกค้ามีทั้งรายใหม่และลูกค้าที่เคยติดตั้งและถอดระบบแก๊สออกไป และ กลับมาติดใหม่อีกครั้ง
ส่วนราคาติดตั้งทั้งแบบถังแคปซูลและถังโดนัท ช่วงนี้ราคาอยู่ที่ 28,000 – 35,000 บาท สาเหตุที่ราคาสูงขึ้น เป็นเพราะช่วงนี้ถังแก๊สทั้งสองแบบขาดตลาดและทำให้ราคาปรับขึ้นจากถังละ 3-4 พันบาท เป็น 7-8 พันบาท หรือขึ้นร้อยละ 50 แต่ผู้ใช้รถก็ยังเลือกติดตั้งเพราะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในช่วงที่ราคาน้ำมันแพงที่สุดในรอบหลายปี โดยตลอดทั้งเดือนนี้คาดว่ามีรถเข้ามาติดแก๊สกว่า 150 คัน หากรวมอู่อื่นๆ ทั่วจังหวัดคาดว่าจะมีมากกว่า 500 คัน
นายนิติ แนะนำผู้ใช้รถให้ตรวจสอบอู่หรือบริษัทที่จะเข้าไประบบแก๊ส จะต้องได้รับอนุญาตและขึ้นทะเบียนกับกรมการขนส่ง สามารถเข้าตรวจสอบที่เว็บไซต์ขนส่งจังหวัดได้ทุกจังหวัด เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
นอกจากนี้จากการลงพื้นที่สำรวจสถานีบริการแก๊สแอลพีจีหลายแห่งในจังหวัดเชียงใหม่ พบว่ามีลูกค้ามากขึ้นเช่นกัน พนักงานบอกว่ายอดขายเพิ่มขึ้นประมาณ 2,000 – 3,000 ลิตรต่อวัน หรือเพิ่มขึ้นกว่า 50 เปอร์เซ็นต์จากช่วงก่อนหน้า ส่วนราคาล่าสุดลิตรละ 14.05 บาท โดยปรับขึ้นครั้งล่าสุด 10 สตางค์ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา