2 ก.ค. 68 – นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เตือนโรคผื่นกุหลาบเป็นโรคผิวหนังมีอาการเฉียบพลัน ยังไม่มีสาเหตุแน่ชัด พบมีความสัมพันธ์กับการติดเชื้อไวรัส ผื่นมีลักษณะเฉพาะ รูปร่างกลมหรือรี มีการกระจายเป็นแนวตามร่องบนผิว คล้ายกับลักษณะของต้นสน โรคนี้ส่วนใหญ่เกิดในคนช่วงอายุ 10-35 ปี พบได้ในทุกเชื้อชาติ พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ผื่นมักเกิดอยู่นานประมาณ 6 – 8 สัปดาห์ สามารถหายได้เอง ผู้ป่วยบางรายอาจเป็นนานถึง 5 เดือนหรือมากกว่า ผู้ป่วยตั้งครรภ์ เป็นความเสี่ยงทำให้เกิดการแท้งได้ โดยเฉพาะช่วง 15 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์
ทั้งนี้ การเกิดผื่นกุหลาบ มักเกิดขึ้นบริเวณลำตัวและมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ บางครั้งอาจพบบริเวณคอ หรือแขนขาส่วนบนได้ โดยมักจะเกิดนำผื่นอื่น ๆ เป็นชั่วโมงหรือวัน ลักษณะเป็นผื่นเป็นสีชมพู สีแซลมอน หรือสีน้ำตาล อาจจะมีขอบยกเล็กน้อย ขนาดประมาณ 2-4 เซนติเมตร แต่บางกรณีอาจมีขนาด 1 เซนติเมตร หรือใหญ่ถึง 10 เซนติเมตร ตรงกลางของผื่นมีขุยขนาดเล็ก ขอบขยายใหญ่ขึ้น ประมาณ 5% ของคนไข้มีอาการนำมาก่อน เช่น ปวดหัว มีไข้ ปวดข้อ และปวดเมื่อย อาจพบตุ่มหนองเล็ก ๆ ในช่วงแรกของโรค มักไม่พบผื่นบริเวณหน้า มือและเท้า อาการคันในโรคผื่นกุหลาบพบได้ประมาณ 25%
สำหรับ ผื่นกุหลาบมักไม่มีอาการแสดงและสามารถหายได้เอง โดยไม่ทิ้งร่องรอย การรักษาจึงเป็นการรักษาตามอาการเป็นหลัก การใช้ครีมชุ่มชื้นผิวที่เหมาะสม ร่วมกับยาทาสเตียรอยด์ หรือยากินในกลุ่ม antihistamines สามารถช่วยลดอาการคันได้ แต่ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง การรับประทานยาในกลุ่มสเตียรอยด์ช่วงสั้นๆ การฉายแสง UVB (Narrowband or broadband) สามารถช่วยควบคุมโรคได้
“ ลักษณะของผื่นกุหลาบ ค่อนข้างคล้ายกับผื่นโรคอื่น ๆ และอาจสร้างความสับสนเกี่ยวกับอาการ และอาจทำให้ไม่ได้รับการดูแลรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสม หากรู้สึกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นในร่างกาย และเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนและป้องกันการลุกลาม ไม่ว่าจะเป็นอาการผื่น หรืออาการอื่น ๆ ควรรีบเข้าพบแพทย์และทำการรักษาโดยด่วนที่สุด” นางสาวศศิกานต์ กล่าว