ศาลปกครองเชียงใหม่ ยกฟ้อง กรณีขอให้เพิกถอน-รื้อถอน บ้านพักตุลาการ (บ้านป่าแหว่ง) ชี้การก่อสร้างดังกล่าวไม่รุกล้ำเขตป่าสงวน-อุทยานฯ ขออนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย

474

ศาลปกครองเชียงใหม่ ยกฟ้อง กรณีขอให้เพิกถอน-รื้อถอน บ้านพักตุลาการ (บ้านป่าแหว่ง) ชี้การก่อสร้างดังกล่าวไม่รุกล้ำเขตป่าสงวน-อุทยานฯ ขออนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย

วันที่ 27 ก.ค. 65 ศาลปกครองเชียงใหม่ มีคำพิพากษาในคดี ที่กรมธนารักษ์ ถูกฟ้อง กรณีอนุญาตให้สำนักงานศาลยุติธรรม ใช้พื้นที่ราชพัสดุแปลง ตําบลดอนแก้ว อําเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เนื้อที่ 147 ไร่ 3งาน 30ตารางวา ก่อสร้างอาคารที่ทำการศาล บ้านพักตุลาการและข้าราชการศาลอุทธรณ์ ภาค 5 โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยผู้ร้องฟ้องว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ป่า บางส่วนทับซ้อนกับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติดอยสุเทพ และอำนาจการอนุญาตใช้ประโยชน์เป็นอำนาจของอธิบดีกรมป่าไม้
 
ผู้ฟ้อง ระบุว่า การอนุญาตดังกล่าว ส่งผลให้เกิดการตัดโค่นต้นไม้ทำลายป่าทำให้เกิดสภาพป่าแหว่ง และผู้ร้องใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ฟ้องร้องให้ศาลปกครองมีคำพิพากษาเพิกถอน และให้มีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและปรับปรุงพื้นที่ให้กลับมามีสภาพดังเดิม
 
ศาลได้พิจารณาแล้วเห็นว่า พื้นที่ราชพัสดุแปลงพิพาทดังกล่าวทั้งแปลง อยู่นอกแนวเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าดอยสุเทพ และนอกแนวเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ – ปุย อำนาจอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุแปลงพิพาทเป็นอำนาจของกรมธนารักษ์
 
แม้พื้นที่ราชพัสดุแปลงพิพาท มีสภาพเป็นป่าที่ลาดเชิงเขา บางส่วนเป็นที่สูงชันอยู่ในพื้นที่ลุ่มน้ำภาคเหนือ (ลุ่มน้ำปิง-วัง) แต่เมื่อพื้นดังกล่าวมิได้มีพื้นที่ส่วนหนึ่งส่วนใดทับซ้อนกับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และพื้นที่อุทยานแห่งชาติ พื้นที่ราชพัสดุแปลงพิพาทจึงไม่อยู่ในบังคับพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 และพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504
พื้นที่ราชพัสดุแปลงพิพาทดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบกำหนดให้เป็นพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 2 ชั้น 3 และชั้น 4 สำนักงานศาลยุติธรรม จึงได้รับยกเว้น ไม่จำต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม และไม่ต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนผู้มีส่วนได้เสียก่อนเริ่มโครงการ
ดังนั้น การพิจารณาอนุญาตให้สำนักงานศาลยุติธรรมใช้ที่ราชพัสดุแปลงพิพาทจึงเป็นไปตามขั้นตอนตามที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้ ยังฟังไม่ได้ว่าการอนุญาตของกรมธนารักษ์ เป็นการใช้ดุลพินิจโดยไม่ชอบแต่อย่างใด
ส่วนข้ออ้างของผู้ฟ้องคดีที่ว่า การก่อสร้างอาคารดังกล่าวมีการโค่นต้นไม้ ทำลายป่า ทำให้เกิดเป็นพื้นที่ป่าแหว่ง อันเป็นการทำลายระบบนิเวศของพื้นที่ป่าไม้ที่สวยงามตามธรรมชาติ ก็ไม่อาจรับฟังได้
เมื่อศาลปกครองได้วินิจฉัยแล้วว่า การที่กรมธนารักษ์ อนุญาตให้สำนักงานศาลยุติธรรม ใช้พื้นที่ดังกล่าว ก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 5 และบ้านพักตุลาการ บ้านพักข้าราชการศาล เป็นการกระทำโดยชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่เป็นการกระทำละเมิดต่อสิทธิของผู้ฟ้องคดี กรมธนารักษ์จึงไม่ต้องรับผิดดำเนินการตามคำขอของผู้ฟ้องคดี “พิพากษายกฟ้อง”
 
ทั้งนี้ในเวลาต่อมา “เครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ” ชี้แจงว่า กรณีคดีศาลปกครองเชียงใหม่ตัดสินยก (ผู้ฟ้องแพ้ ศาลก่อสร้างถูกแล้ว ไม่ต้องทำEIA) ว่า นี่เป็นการฟ้องของ ดร. สุวิทย์ รุ่งวิสัย ในนามส่วนตัว ในประเด็นมองว่าที่ดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนฯ แต่ในส่วนของเครือข่ายฯ ได้เรียกร้องให้ฝ่ายบริหารมาแก้ปัญหา ตั้งกรรมการฯ และได้ผลว่าไม่ให้ใช้พื้นที่ ล่าสุดก็ได้คืนที่ดินส่วนบนให้กรมธนารักษ์แล้ว จึงเรียนมาเพื่อโปรดรับทราบ
X9a9A1.jpg
X9a312.jpg