กลุ่มวัยรุ่นรุมทำร้ายชายวัย 37 คาร้านคาราโอเกะ เข้ามอบตัวแล้ว อ้างเมาไม่ได้สติ ไม่เกี่ยวเรื่องหึงหวงเด็กเสิร์ฟร้าน พร้อมสำนึกผิดขอโทษผู้เสียหาย คู่กรณียันไม่ยอมความจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
ความคืบหน้ากรณีคลิปเหตุการณ์ที่ชายหนุ่มถูกกลุ่มวัยรุ่นเข้ามาหาเรื่องและรุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ ภายในร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งพื้นที่หมู่บ้านดอนแก้ว ต.ดอนแก้ว อ.สารภี จ.เชียงใหม่ โดยในคลิปได้มีชายสวมเสื้อยืดสีส้ม เดินเข้ามาขณะที่ชายผู้ถูกทำร้าย กำลังนั่งดื่มเครื่องดื่มอยู่ที่บริเวณด้านหน้าเคาน์เตอร์ร้านเพียงลำพัง แล้วมาทำทีจับหน้าของหนุ่มที่ถูกทำร้าย ก่อนที่ทางเจ้าตัวจะทำการปัดป้องจนวัยรุ่นคนดังกล่าวไม่พอใจแล้วได้ใช้หมัดชกเข้าที่บริเวณใบหน้า จนหนุ่มที่ถูกทำร้ายล้มลง ก่อนที่จะมีกลุ่มเพื่อนของชายเสื้อส้มเข้ามาช่วยกันรุมทำร้าย ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงค่ำคืนของวันที่ 11 มี.ค.64 ที่ผ่านมา และต่อมาที่วานนี้ (15 มี.ค.64) ทางด้านผู้เสียหาย ทราบชื่อคือ นายนรินทร์ อินภิบาล อายุ 37 ปี พร้อมด้วยแฟนสาว ได้เดินทางนำหลักฐานภาพกล้องวงจรปิดเข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สารภี ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ และรวบรวมเบาะแสติดตามทางกลุ่มผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (16 มี.ค.64) ทางกลุ่มผู้ก่อเหตุซึ่งประกอบด้วย นายตาม อายุ 29 ปี (ชายเสื้อส้มที่ปรากฏในคลิป) พร้อมด้วย นายแซ็ก อายุ 24 ปี , นายป๊อก อายุ 29 ปี และ นายละ อายุ 48 ปี ได้เดินทางเข้ามามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สารภี ภายหลังจากที่ทางผู้ก่อเหตุทั้งหมดทราบข่าวกรณีดังกล่าว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการลงบันทึกหลักเบื้องต้น พร้อมทั้งมีการประสานทางผู้เสียหายเข้ามาเจรจากัน ซึ่งต่อมา ทางด้าน นายนรินทร์ อินภิบาล อายุ 37 ปี ผู้เสียหายก็ได้เดินทางมาพร้อมกับแฟนสาว และบิดามารดา เพื่อมาพบกับกลุ่มผู้ก่อเหตุในเวลาต่อมา
จากการสอบถามทางด้าน นายวิเชียร หรือ ตาม อายุ 29 ปี (ชายเสื้อส้มที่ปรากฏในคลิป) เล่าว่า ในวันก่อเหตุตนยอมรับว่าดื่มสุราจนเมามายและจำความเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นแทบไม่ได้ ซึ่งในวันนั้นก่อนที่จะเดินทางไปที่ร้านเกิดเหตุตนกับเพื่อนก็ได้ดื่มสุรากันมาจนเมาแล้ว และไม่เคยรู้จักกับทางผู้เสียหายแต่อย่างใด และยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องหึงหวงสาวเด็กเสิร์ฟหรือพนักงานภายในร้านแต่อย่างใด แต่ที่ก่อเหตุลงไปนั้นก็เนื่องจากตนเมาจนไม่ได้สติ และมาจำความได้ก็ตอนที่เห็นรูปที่มีคนส่งมาให้ดู และตนยังตกใจที่ทำผิดลงไปขนาดนี้ และในวันก่อเหตุตนก็ยังไม่ทราบด้วยว่าที่เกิดเหตุมีกล้องวงจรปิดด้วย ซึ่งตนก็อยากขอโทษทางผู้เสียหายกับสิ่งที่ทำลงไปด้วย
อย่างไรก็ตามหลังการเข้าพบกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สารภี แล้วนั้นทางด้านฝั่งผู้เสียหายได้เข้ามาพูดคุยกับทางด้านกลุ่มผู้ก่อเหตุ ซึ่งในระหว่างการเจรจาพูดคุยกันนั้นทางด้านแฟนสาว พร้อมด้วย บิดาและมารดาของ นายนรินทร์ ผู้ที่ถูกทำร้ายก็ได้มีการพูดจากับทางกลุ่มผู้ก่อเหตุ ซึ่งทั้งสามคนต่างมีความไม่พอใจกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ และมีอาการโกรธ เนื่องจากเห็นว่าการกระทำของผู้ก่อเหตุทั้งหมดทำรุนแรงเกินไป อีกทั้งยังยืนยันด้วยว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
โดยทางด้าน แฟนสาวของ นายนรินทร์ ผู้ถูกทำร้าย ได้ให้สัมภาษณ์กับทางผู้สื่อข่าวว่า หลังการพูดคุยกันกับทางฝั่งของผู้ก่อเหตุ ตนกับพ่อและแม่ ก็ยังคงยืนยันว่าจะเอาเรื่องกับอีกฝ่ายให้ถึงที่สุด เนื่องจากสิ่งที่กลุ่มผู้ก่อเหตุทำลงไปนั้นมากเกินไป และทางฝั่งของตนก็ยังทำใจไม่ได้ และหากเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ไปเกิดกับลูก เมีย หรือคนที่รักของฝั่งนั้นบ้างจะคิดอย่างไร ตนจึงจะขอไม่ยอมความและจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
ขณะที่ทางด้าน ร.ต.อ.ชราวุธ ปานเชี่ยวชาญ รอง สว. (สอบสวน) สภ.สารภี เจ้าของคดี เปิดเผยว่า คดีที่เกิดขึ้นนี้หากมีการตรวจสอบร่างกายผู้เสียหายแล้วไม่พบร่องรอยบาดแผลฉีกขาดจากการถูกทำร้าย ก็จะเข้าข่ายเป็นคดีความผิดลหุโทษ ทำร้ายไม่ถึงกับเป็นอันตราย แต่หากตรวจสอบร่างกายแล้วพบว่ามีการทำร้ายที่เป็นอันตราย มีบาดแผลฉีกขาดเย็บ 5 เข็ม 10 เข็ม หรือมีกระดูกร้าว กระดูกแตก ก็จะเข้าข่ายอันตรายสาหัส ซึ่งต้องรอผลการตรวจร่างกายเพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบคดี อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องดูว่าทางกฎหมายให้อำนาจยุติเรื่องคดีนี้ในชั้นสอบสวนหรือไม่ ถ้าหากทางผู้เสียหายไม่ติดใจ หรือไม่ประสงค์ที่จะดำเนินคดีก็สามารถดูให้ได้ แต่จะต้องดูหลักฐานประกอบบาดแผลผู้เสียหายด้วย รวมไปถึงการเจรจาพูดคุยกับทางฝั่งของผู้เสียหายอีกทางหนึ่ง ซึ่งก็จะเป็นไปตามการดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป