นายกฯ ตู่ ชูกลยุทธ์ 3 แกน สร้างอนาคต แก้ปากท้อง ความยากจน

465

เมื่อวันที่ 8 ก.ค. 65 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง กลยุทธ์ 3 แกน สร้างอนาคต โดยมีเนื้อหาดังนี้

พี่น้องประชาชนที่เคารพรัก วันนี้ ผมอยากพูดกับทุกท่าน เกี่ยวกับอนาคตของบ้านเรา และการเดินหน้าต่อไปของประเทศไทย

ตอนนี้ ประเทศไทย กำลังกลับเข้าสู่ภาวการณ์ใช้ชีวิตที่ใกล้เคียงปกติแล้ว ข้างหน้าของเรายังมีอีกหนึ่งภัยร้าย ที่ใหญ่ ยิ่งกว่า รอเราอยู่ นั่นคือ เราจะอยู่รอดอย่างไร จากการโหมกระหน่ำของพายุการขึ้นราคาทุกอย่าง ซึ่งสงครามรัสเซีย-ยูเครน เป็นส่วนสำคัญยิ่งที่กระตุ้นให้ข้าวของแพง ไม่ว่าจะเป็น ราคาน้ำมัน อาหาร ค่าขนส่ง จนถึงขั้น ทำให้บางประเทศในภูมิภาค เข้าใกล้การล่มสลายทางเศรษฐกิจ

วันนี้ ผมขอใช้เวลาซักนิด เล่าเรื่องสำคัญ คือ กลยุทธ์ภาพใหญ่ของผม ที่จะมาแก้ปัญหาปากท้อง และความยากจน ให้หมดไปเสียที ที่ผ่านมา หลายรัฐบาลที่เข้ามาบริหารประเทศในช่วงระยะสั้นๆ ได้ดำเนินนโยบายระยะสั้น แก้ปัญหาความยากจนเฉพาะหน้า หรือมีโครงการลดแลกแจกแถมต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่า บางโครงการเป็นสิ่งที่ควรทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามวิกฤต เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน แต่โครงการแบบนั้น ไม่ใช่วิธีที่จะแก้ปัญหาความยากจนได้อย่างยั่งยืน และแน่นอนว่าวิธีการเหล่านั้น ไม่ทำให้ใครรวยขึ้นมาได้

เพราะฉะนั้น ผมจึงตั้งใจเดินหน้าด้วยความมุ่งมั่น ที่จะทำเรื่องใหญ่ๆ ให้เกิดขึ้นให้ได้ เพื่อช่วยทุกคน ให้สามารถสร้างรายได้ ได้มากขึ้น อย่างยั่งยืน ผมขอให้ทุกท่านเดินหน้าไปกับผม ในช่วงเวลาที่ภารกิจระยะยาวเพื่อทุกคน ที่ผมได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว ผมกำลังขับเคลื่อน กลยุทธ์ภาพใหญ่ที่มี 3 แกนหลัก ที่จะมายกระดับความรุ่งเรืองของประเทศ เป็น 3 แกนหลักที่กำลังจะเสร็จ และกำลังจะพร้อมที่จะช่วยเราทุกคนได้ในอนาคตอันใกล้

แกนที่ 1 คือโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ ที่ใหญ่ที่สุด และบูรณาการมากที่สุด ในประวัติศาสตร์ประเทศไทย โครงการสร้างทางรถไฟ ถนน สนามบิน หรือท่าเรือ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อยกระดับความรุ่งเรืองมั่งคั่งของทุกคน โครงการที่ต้องใช้เวลาก่อสร้างยาวนานหลายปี และตอนนี้ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว

เป็นสิบๆ ปีที่ผ่านมา รัฐมักจะวางแผนโครงการที่สวยหรูมากมาย ทั้งการสร้างทางรถไฟ ถนน สนามบิน และท่าเรือ แต่สุดท้าย แผนโครงการที่สวยหรูเหล่านั้นก็ถูกเก็บขึ้นหิ้ง จนฝุ่นเกาะ และไม่เคยถูกทำให้เกิดขึ้นจริง – กลายเป็นว่า ประชาชนหลายสิบล้านคน ยังคงต้องใช้ชีวิตกันต่อไป โดยไม่ได้รับประโยชน์จากการมีโครงสร้างพื้นฐาน และการคมนาคมขนส่งที่ดีกว่า และถูกกว่า ที่ในที่สุดแล้ว จะช่วยเปิดโอกาสให้ประชาชน สร้างรายได้ ได้มากขึ้นด้วย

ความมุ่งมั่นหลักของผม คือ ทำอย่างไรให้โครงการนับร้อยๆ เหล่านั้น เกิดขึ้นจริงให้ได้ และเป็นไปอย่างบูรณาการ เพราะผมรู้ว่า เมื่อโครงการทางรถไฟ โครงการรถไฟความเร็วสูง ถนน ท่าเรือ และสนามบินต่างๆ เกิดขึ้นจริง โครงการเหล่านั้นจะเชื่อมต่อกัน เหมือนต่อจิ๊กซอว์ภาพใหญ่ได้สำเร็จ และนั่นคือเวลาที่เราจะคาดหวังถึงความเจริญรุ่งเรืองอย่างก้าวกระโดดของประเทศเราได้ – และเมื่อโครงการต่างๆ เหล่านั้นเชื่อมต่อกัน จะเป็นเหมือนสะพานเชื่อม เป็นเครื่องมือให้ทุกคนเข้าถึงโอกาสที่จะสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเอง และประเทศได้ โครงการสำคัญต่างๆ ของเรา ในทุกมุมของประเทศ มีความคืบหน้าไปมากพอสมควร และเริ่มใกล้ที่จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว

แกนที่ 2 ของกลยุทธ์ภาพใหญ่ของผม เพื่อที่จะสร้างความมั่งคั่งรุ่งเรืองให้กับคนไทย คือแกนที่เกี่ยวกับภาคอุตสาหกรรมทั้งหมด ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมที่ต่อเนื่องเชื่อมโยงต่างๆ เป็นภาคอุตสาหกรรมที่หล่อเลี้ยงเชื่อมต่อไปถึงธุรกิจขนาดใหญ่ และธุรกิจขนาดเล็กอีกมากมาย ตลอดจนดึงเงินมหาศาลให้ไหลเข้าประเทศไทย ผ่านการส่งออกต่างๆ เป็นตัวขับเคลื่อนความมั่งคั่งรุ่งเรืองของไทย ที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา แต่วันนี้ อุตสาหกรรมนี้ กำลังตกอยู่ในความเสี่ยงครั้งใหญ่ เพราะการเปลี่ยนแปลงไปสู่การใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเกิดขึ้นทั่วโลก เป็นเวลาที่ผู้ผลิตยานยนต์อาจจะต้องเลือกที่จะสร้างโรงงานผลิตรูปแบบใหม่ ในประเทศต่างๆ ดังนั้น เราต้องเดินหน้าให้เร็ว และเร็วกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ที่กำลังพยายามจะใช้โอกาสนี้ ดึงเอาอุตสาหกรรมยานยนต์ออกไปจากประเทศไทย ให้ไปอยู่ในประเทศของเขา เพราะฉะนั้นผมได้ขับเคลื่อน และพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลกในการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่สำคัญของโลก เราต้องล็อกผู้ผลิตยานยนต์ทั่วโลก ให้อยู่ในประเทศไทย และเราต้องช่วยให้เรื่องต่างๆ ง่ายขึ้นสำหรับเค้า ในการที่เค้าจะลงทุนเพิ่ม และขยายธุรกิจของเค้าในประเทศไทย ถ้าเราทำสำเร็จ เส้นทางนี้จะเป็นรากฐานที่สำคัญที่เกื้อหนุนหล่อเลี้ยงอุตสาหกรรมต่างๆ และประเทศไทยให้มั่งคั่งต่อไปได้ อีกเป็น 20-30 ปีข้างหน้า วันนี้ เราเดินมาได้ไกลแล้ว ด้วยการทำงานอย่างรวดเร็ว และบูรณาการหลายหน่วยงาน จนผู้ผลิตยานยนต์ระดับโลกหลายราย แสดงเจตนารมณ์ว่าจะเดินหน้าตั้งโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย แต่ก็ยังมีอีกหลายอย่างที่เราจะต้องทำ ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า เพื่อให้ได้ข้อสรุปกับผู้ผลิตยานยนต์ต่างๆ เหล่านั้น และอีกส่วนหนึ่งของภารกิจในแกนหลักที่ 2 ของผม คือ เราจะต้องทำให้ราคารถยนต์ไฟฟ้า และค่าใช้จ่ายในการใช้รถยนต์ไฟฟ้า มีราคาที่ถูกลง สำหรับคนไทยทุกคน ผมจะให้รายละเอียดเพิ่มเติม และความคืบหน้า เกี่ยวกับกลยุทธ์แกนที่ 2 นี้ ประมาณช่วงเดือนหน้าครับ

แกนที่ 3 ของกลยุทธ์ภาพใหญ่ของผมในการสร้างพื้นฐานที่แข็งแรงให้กับประเทศ เพื่อที่จะช่วยทุกคนให้สามารถสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเองได้อย่างยั่งยืน คือ เรื่องเกี่ยวกับภาคการธนาคารของเรา และวิธีการทำงานของธนาคาร ตอนนี้ประเทศไทยเรามีประชาชนมากกว่า 30 ล้านคนที่ไม่สามารถกู้เงินได้ และบางคนอาจจะไม่เคยมีบัญชีธนาคารเลยด้วยซ้ำ เราต้องกลับมาถามตัวเองว่า ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ในเมื่อธนาคารและเงินกู้จากธนาคาร คือหนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญที่สุดที่ประชาชนสามารถใช้ในการสร้างอนาคตและความมั่งคั่งให้กับตัวเองได้ รวมทั้งช่วยให้เค้าสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาที่มีปัญหาไปได้ โดยที่ธุรกิจไม่ล้ม หรือไม่ต้องหมดเนื้อหมดตัว

ในขณะเดียวกัน ถ้าเราสามารถหาหนทาง ที่จะทำให้ประชาชน 30 ล้านคนเหล่านั้น เข้าถึงระบบธนาคาร สามารถขอเงินกู้ และใช้บริการต่างๆ จากธนาคารได้ เราก็จะสามารถกระตุ้นความมั่งคั่งรุ่งเรืองให้กับประเทศเราได้ด้วย มีคนเก่งๆ หลายล้านคนที่ทำมาหากินเอง หรือมีธุรกิจเป็นของตัวเอง รวมไปถึง มอเตอร์ไซค์รับจ้างและส่งของ และคนที่ทำงานอิสระในโลกของเศรษฐกิจแบบดิจิทัล นอกจากนั้น เรายังมีคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ ที่ฉลาด และมีหัวการค้า มากมายในประเทศไทย คนที่พร้อมที่จะสร้างธุรกิจใหม่ๆ ธุรกิจดีๆ แห่งอนาคต นับพันๆ ธุรกิจ สร้างความร่ำรวยให้กับตัวพวกเค้าเอง และในขณะเดียวกัน ก็สร้างความรุ่งเรืองให้กับประเทศด้วย เราต้องส่งเสริมเค้า และทำให้เค้าสามารถเข้าถึงเงินกู้ได้ง่ายขึ้น

ทำไมเจ้าของร้านค้าขายเล็กๆ ตามท้องถนน ถึงกู้เงินจากธนาคารง่ายๆ บ้างไม่ได้ ทั้งๆ ที่ร้านของเขา ก็ขายดี มีลูกค้าประจำ เราต้องหาทางที่จะทำให้เงินทุนที่จำเป็น ไปถึงมือเจ้าของกิจการเล็กๆ และกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่สมควรจะได้รับมัน ธนาคารต้องหาทางที่จะเดินหน้าให้มากไปกว่าวิธีการหรือระบบแบบเดิมๆ ที่มักจะปล่อยเงินกู้ให้แค่คนรวย ธุรกิจใหญ่ๆ หรือคนที่มีเอกสารทางธุรกิจที่พร้อมเท่านั้น

ถึงเวลาแล้วครับ

ธนาคารจำเป็นที่จะต้องให้ความสำคัญกับลูกค้าที่เป็นคนตัวเล็กๆ และทำมาค้าขายเลี้ยงตัวเอง ให้มากยิ่งขึ้น คนกลุ่มนี้จะเป็นพลังที่สำคัญมากต่อความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งเราควรต้องส่งเสริมครับ เพื่อระดมพลังสร้างสรรค์มาช่วยกันขับเคลื่อนประเทศ ความร่ำรวยของคนทำมาค้าขายเล็กๆ เจ้าของร้านค้า หรือคนรุ่นใหม่ อยู่ที่สมองและสองมือของเค้า อยู่ในหัวใจที่มุ่งมั่นที่จะทำงานหนัก เทคโนโลยีสามารถช่วยให้ธนาคารต่างๆ ประเมินความสามารถในการคืนเงินกู้ ของผู้กู้ ที่เป็นคนตัวเล็กๆ ได้

ดังที่เราได้เห็นจากสิ่งที่เกิดขึ้นในอเมริกา และในยุโรปแล้วว่า การดิสรัปชั่นของธนาคารดิจิทัลใหม่ๆ ที่ผสานเอาเทคโนโลยีล้ำสมัยมาใช้ในการประเมินผู้กู้ ทำให้ธนาคารสามารถขยายเงินกู้ออกไปได้กว้างมากขึ้น ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรม ไปถึงคนที่ตั้งใจดี และขยันทำมาหากิน นับล้านๆ คน ผู้ซึ่งไม่เคยเข้าถึงเงินกู้ของธนาคารแบบเดิมๆ แต่ด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ เหล่านี้ จะสามารถช่วยธนาคารต่างๆ ให้เกื้อหนุนให้คนไทยอีกนับล้านๆ คน สามารถเดินหน้าไปสู่ความมั่งคั่งร่ำรวยได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน การเปลี่ยนแปลงนี้ คือหนทางสำคัญที่จะกระจายความมั่งคั่งร่ำรวย จากคนที่รวยอยู่แล้ว ที่สามารถกู้เงินได้ และทำให้รวยยิ่งขึ้น กระจายออกไปสู่คนที่เพิ่งเริ่มต้นทำมาค้าขายหรือทำธุรกิจ และคนที่ไม่มีทรัพย์สินค้ำประกันเงินกู้ ให้เค้าสามารถกู้เงินเพื่อธุรกิจค้าขายของเค้าได้ และเดินหน้าไปสู่ความร่ำรวยได้

ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ทำการศึกษาแล้ว เกี่ยวกับการผลักดันให้ภาคการเงินของประเทศไทยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และทำให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินต่างๆ ได้ในวงกว้างมากยิ่งขึ้น ซึ่งผมอยากจะขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจทั่วโลกที่แย่ลงทุกวัน จากสงครามรัสเซีย-ยูเครน บอกเราว่า เราต้องเดินหน้าให้เร็วยิ่งขึ้น ผมต้องการเห็นธนาคารต่างๆ ในประเทศไทย และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เร่งเครื่อง กระบวนการต่างๆ เหล่านี้ เพื่อทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงให้ได้ และเป็นประโยชน์สำหรับประชาชนทุกคน

ผมรู้ว่า มีหลายๆ ธนาคารกำลังมองและทำเรื่องที่ผมกล่าวอยู่นี้ ผมขอให้ธนาคารเหล่านั้น เดินหน้าให้เร็วขึ้น และขอให้เป็นพลังที่สำคัญมากยิ่งขึ้น สำหรับสิ่งดีๆ ของประเทศ และช่วยยกระดับประเทศไทยไปสู่อนาคตที่ดี ที่เราสมควรจะมี

พี่น้องประชาชนทุกท่านครับ

ผมเชื่อลึกๆ ว่า คนไทยทุกคน ในทุกมุมของสังคม มีสิ่งเดียวที่เค้าต้องการขอจากรัฐบาล คือ ขอให้ช่วยสร้างแพลตฟอร์มที่ประชาชนจะสามารถช่วยเหลือตัวเค้าเองได้ และขอให้รัฐทำสิ่งต่างๆ ที่จะช่วยประชาชนทุกคนให้ได้รับโอกาสที่เป็นธรรม ที่พวกเค้าจะสามารถสร้างชีวิตของตัวเองให้มั่งคั่งได้

3 แกนสำคัญที่ผมพูดถึง จะเปิดโอกาสที่มากขึ้นในการสร้างความมั่งคั่งรุ่งเรืองให้กับประชาชนนับล้านๆ แกนที่หนึ่งคือขับเคลื่อนการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แกนที่สอง คือผลักดันภาคอุตสาหกรรม และทำทุกอย่างเพื่อให้มั่นใจว่าอุตสาหกรรมยานยนต์จะไม่หลุดออกจากเมืองไทยเรา ไปอยู่ในประเทศอื่น แต่ต้องทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าแห่งหนึ่งของโลกให้ได้ และแกนที่สาม คือพลิกโฉมภาคการธนาคาร ให้กลายเป็นผู้ช่วยเหลือประชาชนที่มากขึ้น ด้วยการนำเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมาใช้ในการทำงานของธนาคาร

ด้วยสิ่งต่างๆ เหล่านี้ เราจะสามารถสร้างความมั่งคั่งและรุ่งเรืองได้ ในแบบที่กระจายไปทีเดียว ทั่วไปทั้งหมด และนั่นคือหนทางเดียว ที่เราสามารถเอาชนะปัญหาปากท้องการหาเลี้ยงตัวเอง ที่มาบั่นทอนเราอยู่เรื่อยๆ เสมอๆ ได้

ถ้าทุกอย่างเหล่านี้เชื่อมถึงกัน ความมั่งคั่งรุ่งเรืองก็จะเกิดขึ้น ถ้าอุตสาหกรรมใหญ่ต่างๆ เกื้อหนุนไปสู่ผู้ประกอบการเล็กๆ ความมั่งคั่งรุ่งเรืองก็จะเกิดขึ้น ถ้าธนาคารต่างๆ ช่วยเป็นพลังให้คนทั่วไป ทั้งในระดับรากหญ้าและผู้ประกอบการรุ่นใหม่ๆ ที่สมควรจะได้รับเงินกู้ ก็แน่นอนว่า ความมั่งคั่งรุ่งเรือง จะตามมา

นี่คือเรื่องที่ยิ่งใหญ่อย่างมาก ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และสอดคล้องกับยุคสมัยใหม่และอนาคต ภารกิจของผมคือ ทำให้สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ให้เกิดขึ้นจริงให้ได้ ตอนนี้สิ่งต่างๆ เหล่านี้เกือบที่จะเสร็จแล้ว เราเดินมาได้ไกลแล้วครับ ตามกลยุทธ์ และตอนนี้ ใกล้ถึงเวลาที่เราจะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้แล้ว

ผมขอบคุณทุกท่าน ที่ใจเย็นกับผม ให้ผมได้เอาแผนโครงการที่ยิ่งใหญ่ ผลักดันมาสู่การปฏิบัติจริง ผมไม่ใช่คนที่แสดงออกหรือนำเสนออะไรได้เก่งนัก แต่ผมรู้ว่า ผมจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้เรื่องใหญ่ๆ เกิดขึ้นจริงได้ บางครั้งผมอาจจะพูดอะไรที่ฟังดูตลก แต่ขอให้ทุกท่านรู้ว่า ผมบริสุทธิ์ใจ และหัวใจของผมอยู่กับประชาชนทุกคน และอยู่กับประเทศไทยครับ

เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ผมได้เชิญชวนทุกท่านให้ร่วมมือกัน ต่อสู้กับภัยร้ายสำคัญของประเทศ นั่นคือโควิด-19 ซึ่งทุกคนได้ตอบรับและร่วมมือกันอย่างดี จนเราประสบความสำเร็จได้ ไม่เพียงแค่ต่อสู้กับโควิดได้สำเร็จ แต่ประเทศไทยได้โชว์ให้ทั้งโลกเห็นว่า เราเป็นประเทศที่จัดการกับโควิดได้ดีที่สุดประเทศหนึ่งในโลก

วันนี้ ผมขอเชิญชวนทุกคน ให้มาร่วมมือกันด้วยสปิริตแบบเดิมนั้นอีกครั้ง ร่วมแรงร่วมใจกันทำภารกิจที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ช่วยกันต่อสู้กับโรคระบาดความยากจน และช่วยกันสร้างเศรษฐกิจของประเทศให้แข็งแรง – ประชาชนทุกคนทุ่มเทความรู้ ความมุ่งมั่น การทำงานหนัก พลังสร้างสรรค์ จิตวิญญาณของการเป็นผู้ประกอบการ และสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ จิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ของความเป็นคนไทย ส่วนผมจะขับเคลื่อนรัฐบาล ให้ทำโครงสร้างพื้นฐานที่ดีที่สุดให้สำเร็จ ช่วยทำภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ให้แข็งแรง และช่วยภาคการธนาคารให้ทำงานอย่างสอดคล้องและตอบโจทย์ยุคสมัยใหม่ เพื่อให้ทุกคนมีโอกาสที่จะสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเองได้ ผมเชื่อว่าเราทำได้ครับ และเราจะได้เห็นการผลิดอกออกผล ในเวลาไม่เกิน 2 ปีข้างหน้า

ลงมือครับ เชื่อมไทยเดินหน้า