สาระน่ารู้ โดย CM108 ทำความรู้จักกับ โรคไบโพลาร์ (Bipolar Disorder) หรือโรคอารมณ์สองขั้ว สาเหตุสำคัญเกิดจากความผิดปกติของสารเคมีในสมอง พร้อมข้อแนะนำและข้อควรปฏิบัติในการรักษา

1738

สาระน่ารู้ โดย CM108 ทำความรู้จักกับ โรคไบโพลาร์ (Bipolar Disorder) หรือโรคอารมณ์สองขั้ว สาเหตุสำคัญเกิดจากความผิดปกติของสารเคมีในสมอง พร้อมข้อแนะนำและข้อควรปฏิบัติในการรักษา

blank

โรคอารมณ์สองขั้วคือโรคที่ผู้ป่วยมีการแสดงออกของความผิดปกติทางอารมณ์ โดยมีความ ผิดปกติในระยะพลุ่งพล่านฟุ้งเฟ้อ สลับกับระยะซึมเศร้า ซึ่งเป็น 2 ขั้วที่ตรงข้ามกัน

โรคนี้มีความชุกประมาณร้อยละ 1 ในผู้ใหญ่ ในเพศหญิงและเพศชายเท่ากัน ประมาณร้อยละ 20 ของผู้ป่วยเริ่มมีอาการระหว่างอายุ 15-19 ปี แต่ผู้ป่วยบางคนอาจเริ่มมีอาการในระยะก่อนเข้าวัยรุ่นหรือวัยรุ่น ตอนต้นก็ได้โดยที่องค์การอนามัยโลกก็ได้ระบุว่า โรคนี้เป็นโรคที่ก่อให้เกิดความสูญเสียเนื่องจากการเจ็บป่วย หรือความพิการ อันดับที่ 6 ของโลก และยังพบอีกว่า 1 ใน 5 ของผู้ป่วยฆ่าตัวตายสำเร็จ

ระยะซึมเศร้า จะรู้สึกเบื่อหน่ายไปหมด ไม่เพลินใจไปหมด อารมณ์อ่อนไหวง่าย ร้องไห้ง่าย ทนเสียง ดังไม่ได้ ไม่อยากพบใครหรือไม่อยากท าอะไร ถ้าเบื่อมากอาหารการกินก็ไม่สนใจ น้ำาหนักลด นั่งเฉยๆ นานเป็น ชั่วโมง ใจลอยหลงๆ ลืมๆ ไม่มั่นใจ ตัดสินใจไม่ได้ คิดว่าตนเองเป็นภาระ และหากมีอาการหนักจะถึงขั้นฆ่า ตัวตาย

ระยะพลุ่งพล่านฟุ้งเฟ้อ อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย มีความมั่นใจในตัวเองมาก รู้สึกว่าตัวเองเก่ง พูด มาก คล่องแคล่ว ทักทายคน พูดเสียงดัง ขาดความยับยั้งชั่งใจ แต่งตัวแปลกๆ ใช้จ่ายเงินสิ้นเปลือง ไม่คิดถึง กฎเกณฑ์ของสังคม พลุ่งพล่าน หากถูกห้ามปรามหรือขัดขวางในสิ่งที่ต้องการจะหงุดหงิด ฉุ นเฉียว นอนดึก หรือ ไม่นอน

โรคนี้เกิดจากอะไร มีสาเหตุ และปัจจัยเกี่ยวข้องหลายอย่างที่ทำให้เกิดโรคนี้ แต่ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือมีสารเคมีบางอย่าง ในสมองผิดปกติไป

 ข้อสังเกต อาการในระยะซึมเศร้าจะเกิดขึ้น อย่างช้าๆ โดยไม่มีสาเหตุ หรือบางทีอาจเกี่ยวข้องกับบ้างกับ ความเครียด เช่น สอบตก เปลี่ยนงาน จะเศร้าไม่เลิก จนทำงานไม่ได้

ส่วนอาการในระยะพลุ่งพล่านฟุ้งเฟ้อ จะเป็นเร็วมาก และไม่คิดว่าตัวเองผิดปกติ ภายใน 2-3 สัปดาห์ อาการจะเต็มที่และอาจมีอารมณ์รุนแรงมากก้าวร้าวจนญาติรับมือไม่ไหว

จะรักษาได้อย่างไร “ใช้การรักษาด้วยการรับประทานยาเป็นสำคัญ” โดยจะเป็นยาที่ช่วยรักษาอาการซึมเศร้า อาการ พลุ่งพล่านฟุ้งเฟ้อ และอาการโรคจิต

การรักษาทางด้านจิตใจ ได้แก่ จิตบำบัดรายบุคคลและรายกลุ่ม กลุ่มการให้ความรู้แก่ผู้ป่วย รวมทั้งการให้ความรู้แก่ญาติเกี่ยวกับโรค อาการและการรักษา

ข้อควรปฏิบัติ กินยาอย่างถูกขนาด และสม่่ำเสมอตรงตามเวลาตามแพทย์สั่งทุกมื้อ (สามารถรักษาอาการในช่วง เฉียบพลันได้ดี/สามารถป้องกันการกำเริบของโรคได้ ) และพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง ดูแลตัวเอง (ห้ามอดนอน หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มชูกำลัง กาแฟ ห้ามใช้สารเสพติด สุรา แอลกอฮอล์ อย่าเครียด )

โรคไบโพล่าร์ เป็นโรคเรื้อรัง มีโอกาสกลับเป็นซ้าได้ จึงจำเป็นต้องรับประทานยาเพื่อให้ช่วยควบคุม อารมณ์ให้อยู่ในภาวะปกติ

สาเหตุอะไร..ที่ทำให้โรคนี้กลับมาเป็นซ้ำา?
โรคนี้มีสาเหตุและปัจจัยที่เกี่ยวข้องร่วมกันหลายประการ เช่น ความผิดปกติของสารเคมีในสมอง
พันธุกรรม ปัจจัยทางด้านจิตสังคมทำให้อาการโรคอารมณ์สองขั้ว มีโอกาสกลับเป็นซ้ำสูง ได้เช่น ความเครียด
จากเหตุการณ์ในชีวิตและสิ่งแวดล้อม การสอบตก การเปลี่ยนงานหรือเปลี่ยนแปลงที่อยู่ ปัญหาด้านการเงิน
การเจ็บป่วย การสูญเสียหรือความล้มเหลวในชีวิต นอกจากนี้ การปฏิบัติตัวไม่ถูกต้อง เช่นการอดนอนบ่อยๆ
การใช้สุราและสารเสพติด จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการกำเริบซ้ำได้

ป้องกันกลับเป็นซ้ำกินยาให้ต่อเนื่อง
ผู้ป่วยโรคอารมณ์สองขั้ว เมื่อมีอาการป่วยแล้วจะมีโอกาสกลับเป็นซ้ำตลอดช่วงชีวิตทั้งภาวะเมเนีย
(Mania episode) ภาวะผสม (Mixed episode) และภาวะซึมเศร้า (Depressive episode) ซึ่งจะทำให้
ความสามารถในการดำเนินชีวิตของผู้ป่วยลดลง มีความบกพร่องของหน้าที่การงาน

เป้าหมายการรักษาในระยะยาว คือลดความถี่ของการเกิดระยะเฉียบพลัน การทำให้ภาวะอารมณ์ไม่
คงที่เกิดน้อยที่สุด การเพิ่มความสามารถของผู้ป่วยในการดำเนินชีวิต โดยส่งเสริมให้ผู้ป่วยความร่วมมือด้วย
การรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง ร่วมกับการทำจิตสังคมบำบัด ที่มีความสำคัญในการทำให้ผู้ป่วยร่วมมือใน
การรับประทานยาช่วยให้ผู้ป่วยทราบถึงอาการเตือนก่อนกลับเป็นซ้ำ

ญาติและครอบครัว..กำลังใจที่สำคัญ
ญาติมีบทบาทสำคัญในการดูแลให้ผู้ป่วยรับประทานยาและปฏิบัติตามแผนการรักษารวมทั้งหลีกเลี่ยง
ปัจจัยกระตุ้นให้เกิดอาการกำเริบ ดังนั้นญาติผู้ป่วยจึงเป็นผู้ที่มีความสำคัญมากที่จะต้องได้รับการดูแลและ
ช่วยเหลือสนับสนุนให้มีความสามารถในการดูแลผู้ป่วยได้อย่างถูกต้องเหมาะสมไม่มีอาการกำเริบรุนแรงไม่
กลับป่วยซ้ำและสามารถดำรงชีวิตอยู่ในครอบครัวและชุมชนได้ ตัวผู้ป่วยเองก็ต้องดำเนินชีวิตในทางสายกลาง ควบคุมเวลานอนหลับให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง พยายามหาวิธีแก้ปัญหาและลดความเครียด และอย่าใช้ยากระตุ้นหรือสารมึนเมา เช่น เหล้า หรือ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง

ให้โอกาสผู้ป่วยไบโพล่าร์
สิ่งสำคัญที่สุด คนรอบข้างต้องเข้าใจในผู้ป่วยที่เป็นภาวะเช่นนี้ด้วย ผู้ป่วยไบโพลาร์เป็นบุคคลที่มี
ความสามารถที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าคนอื่น เพราะฉะนั้นการที่ทุกคนมองผู้ป่วยไบโพลาร์ไม่ต่างจากผู้ป่วยโรคอื่นๆ
ที่สามารถรักษาได้ ก็จะช่วยคนที่เป็นไบโพลาร์เข้าสู่กระบวนการรักษาและใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข
เช่นเดียวกับคนทั่วไป

ที่มา : คณะกรรมการพัฒนาระบบบริการและดูแลโรคอารมณ์สองขั้วโรงพยาบาลศรีธัญญา

ลิ้งค์บทความ : https://1th.me/ys7Mu

https://th.rajanukul.go.th/_admin/file-download/20-5064-1459237181.pdf