“บิ๊กตู่” เผยท้องถิ่นจัดซื้อวัคซีนทางเลือก ต้องเป็นไปตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย จะได้หรือไม่ ให้ ศบค. พิจารณา

213

“บิ๊กตู่” เผยท้องถิ่นจัดซื้อวัคซีนทางเลือก ต้องเป็นไปตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย จะได้หรือไม่ ให้ ศบค. พิจารณา

วันนี้ (31 พฤษภาคม 2564) เวลา 13.30 น. นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยืนยันกับสื่อมวลชน ระหว่างตรวจเยี่ยมหน่วยความร่วมมือบริการวัคซีนโควิด-19 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิล์ด กรณีการให้ท้องถิ่นจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมเพื่อฉีดให้แก่ประชาชน อยู่ระหว่างการพิจารณาของ ศบค. ซึ่งจะต้องเป็นไปตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทย

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียืนยันถึงการจัดซื้อจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม ซึ่งเร่งเจรจากับบริษัทผู้ผลิตวัคซีนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับจำนวนวัคซีนของแต่ละบริษัทว่ามีจำนวนเพียงพอหรือไม่ ขณะเดียวกันยังมีช่องทางต่าง ๆ  ในการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม อาทิ จากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ที่เป็นวัคซีนจาก Sinopharm ที่ได้ลงทะเบียนกับรัฐบาลไว้แล้ว กรณีการให้ท้องถิ่นจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมเพื่อฉีดให้แก่ประชาชนนั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของ ศบค. ซึ่งจะต้องเป็นไปตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทย ทั้งนี้ รัฐบาลเองจัดสรรการกระจายวัคซีนไปยังท้องถิ่นเพื่อให้มีความเท่าเทียมกันในทุกจังหวัด ทุกจังหวัด 76+1 ซึ่งเป็นไปตามข้อมูลหรือสถานการณ์การแพร่ระบาดในแต่ละพื้นที่

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการลงทะเบียน “หมอพร้อม” ว่า ต้องนำมาเชื่อมโยงการติดตามผลกับประชาชนที่มีการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว ซึ่งปัจจุบันมีรายงานการฉีดวัคซีนไปแล้ว 3 – 4 ล้านราย ขณะที่ วันนี้โลกมีความต้องการวัคซีนสูงขึ้นโดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านที่มียอดการติดเชื้อสูงขึ้น 3,000 – 4,000 รายต่อวัน  รวมทั้งผู้ที่เดินทางเข้าสู่ประเทศไทยจะต้องข้าสู่ระบบการควบคุม คัดกรองและมาตรการต่าง ๆ  ดังนั้น เมื่อมีการตรวจเชิงรุกย่อมต้องพบผู้ติดเชื้อมาก ทุกคนต้องรับมือกับสถานการณ์เหล่านี้ให้ได้ หากจำนวนตัวเลขเพิ่มมากขึ้นต้องให้อยู่ในพื้นที่ที่สามารถควบคุมได้ และนำคนที่ติดเชื้อเข้าสู่ระบบการรักษาพยาบาลต่อไป

นายกรัฐมนตรียังแสดงความห่วงใยกลุ่มแรงงานพื้นที่กรุงเทพฯ และพื้นที่ต่าง ๆ ที่มีที่พักอาศัยคับแคบและแออัด  ซึ่งเป็นปัญหาที่พบเจอในหลายประเทศ อาทิ สิงคโปร์ ไต้หวัน ญี่ปุ่น และมาเลเซีย โดยต้องร่วมกันให้กำลังใจประเทศอื่น ๆ  ถ้าทุกคนปฏิบัติตามกฎหมายในการเข้าออกประเทศก็คาดว่าจะสามารถควบคุมได้  ซึ่งนายกรัฐมนตรีกำชับแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหากพบว่าใครเข้ายุ่งเกี่ยวกับกระบวนการลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายนี้จะมีการลงโทษสถานหนัก วันนี้ได้มีการจับกุมเข้ามาอย่างผิดกฎหมายจำนวนมากทุกวัน

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการเข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565  ว่า ขอให้ประชาชนมั่นใจว่ารัฐบาลได้เตรียมงบประมาณไว้เพียงพอแน่นอนโดยเฉพาะด้านสาธารณสุข โดยการปรับลดงบประมาณของแต่ละกระทรวงเนื่องจากในปีที่ผ่านมารายได้ของรัฐบาลลดลงจากการจัดเก็บภาษีรายได้ที่ลดลงเนื่องจากการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19  ยืนยันรัฐบาลคำนึงถึงพี่น้องประชาชนเป็นหลักและเพื่อให้ทุกกระทรวงมีงบประมาณนำไปดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามพันธกิจ ให้การดูแลประชาชนในทุกมิติ ทั้งด้านสังคมและเศรษฐกิจ พร้อมกับการจัดหารายได้เพิ่มเติมในอนาคตด้วย