สสส.จัดอบรมเยาวชน-สื่อท้องถิ่น ร่วมต้านบุหรี่ไฟฟ้า พบเด็กประถมเริ่มสูบ ผู้ปกครองบางรายส่งเสริม
ที่โรงแรมวินทรี ซิตี้รีสอร์ทเชียงใหม่ นางชามานันท์ สุจริตกุล ที่ปรึกษาโครงการพัฒนาเครือข่ายสื่อสุขภาวะลดปัจจัยเสี่ยงสู่ท้องถิ่น เป็นประธานจัดการอบรมเพิ่มความรู้ประเด็นปัจจัยเสี่ยง โครงการพัฒนาเครือข่ายสื่อสุขภาวะลดปัจจัยเสี่ยงสู่ท้องถิ่น โดยการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ภายใต้แนวคิด “RUN (Reskill – Upskill – News skill) สร้างสรรค์สื่อใหม่ ระหว่างวันที่ 23-14 สิงหาคม 2568 โดยมี นายสมชาย โต๊ะอีสอ เครือข่ายวิชาชีพสุขภาพเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ เป็นวิทยากรอบรม มีเยาวชน และสื่อมวลชนท้องถิ่นจ.เชียงใหม่ เข้าร่วมการอบรมในครั้งนี้
นางชามานันท์ ที่ปรึกษาโครงการฯ กล่าวถึงเป้าหมายหลักของการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาเครือข่ายสื่อสุขภาวะลดปัจจัยเสี่ยงสู่ท้องถิ่น ภายใต้แนวคิด “RUN (Reskill – Upskill – News skill) สร้างสรรค์สื่อในยุค Gen AI” ว่า ปัจจุบันสังคมไทยกำลังเผชิญกับ 4 ปัจจัยเสี่ยงสำคัญ ได้แก่ เหล้า บุหรี่ การพนันออนไลน์ และสารเสพติด ซึ่งกำลังแพร่กระจายอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง โดยประชาชนจำนวนมากยังขาดความรู้เท่าทัน โดยเฉพาะ “บุหรี่ไฟฟ้า” ที่กำลังแพร่ระบาดในกลุ่มเยาวชนอย่างน่ากังวล ล่าสุดพบเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ในจังหวัดชายแดนเริ่มสูบ และมีกรณีผู้ปกครองบางรายซื้อบุหรี่ไฟฟ้าให้ลูกอ้างคลายเครียด หรือแม้แต่ฝากให้ลูกนำไปขายแบบผ่อนวันละ 5 บาท
ด้าน นายสมชาย โต๊ะอีสอ เครือข่ายวิชาชีพสุขภาพเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ ระบุว่า บุหรี่ไฟฟ้าพัฒนาไปจนมีรูปลักษณ์คล้ายของเล่นหรืออุปกรณ์แกดเจ็ต มาถึงช่วงอาร์ตทอย (Art Toy) ซึ่งเรียกกันว่า “ทอย พอต” ทำให้เด็กเข้าใจผิดว่าไม่อันตราย อีกทั้งสื่อออนไลน์ยังโฆษณาชวนเชื่อว่าเป็นเพียงของสะสมหรือช่วยเลิกบุหรี่ ทั้งที่แท้จริงแล้วเป็นอันตรายต่อสมองและพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กอย่างรุนแรง
ขณะที่ตัวแทนสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงใหม่สะท้อนว่า เยาวชนจำนวนไม่น้อยแม้มีความรู้เรื่องพิษภัยบุหรี่ไฟฟ้า แต่ยังขาดการตระหนักรู้และถูกชักจูงจากเพื่อนหรือกระแสโซเชียล จึงจำเป็นต้องใช้แนวทาง “เพื่อนช่วยเพื่อน” และการสื่อสารอย่างต่อเนื่องเพื่อเข้าถึงกลุ่มเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สสส. ยังเดินหน้าพัฒนาเครือข่ายสื่อสุขภาวะใน 5 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ เชียงใหม่ อุดรธานี อยุธยา ชลบุรี และสงขลา เพื่อเสริมบทบาทสื่อท้องถิ่นและภาคีเครือข่ายเป็น “นักสื่อสารสุขภาวะ” ที่เข้มแข็ง ทำหน้าที่เผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องและสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคมให้เยาวชนและครอบครัวอย่างยั่งยืน