ผลสำรวจสวนดุสิตโพลชี้ คนไทยกังวลปัญหาเศรษฐกิจ ของแพง ส่วนใหญ่มีเงินสำรองฉุกเฉินใช้จ่ายน้อยกว่า 1 เดือน

10

13 พ.ค. 68 – “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “คนไทยกับการรับมือปัญหาเศรษฐกิจ” กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,229 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 6-9 พฤษภาคม 2568 พบว่า กลุ่มตัวอย่างมองว่าสถานการณ์เศรษฐกิจไทย ณ วันนี้ ทำให้ค่อนข้างกังวล ร้อยละ 51.59 โดยเรื่องที่กังวลมากที่สุดคือเรื่อง ราคาสินค้าแพงขึ้น ร้อยละ 73.23 ทั้งนี้หากไม่มีรายได้เลย ประชาชนจะมีเงินสำรองฉุกเฉินต่อไปได้น้อยกว่า 1 เดือน ร้อยละ 48.32 โดยมีแนวทางการรับมือคือลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น ร้อยละ 77.37 ด้านการวางแผนการเงินส่วนบุคคล พบว่า ส่วนใหญ่มีการวางแผนแต่ไม่ได้ทำต่อเนื่อง ร้อยละ 58.99 สุดท้ายเมื่อถามถึงความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐฯ ร้อยละ 76.06 ไม่เชื่อมั่นและร้อยละ 23.94 เชื่อมั่น

นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า จากผลโพลประชาชนกังวลกับปัญหาเศรษฐกิจที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น และยังสะท้อนให้เห็นความเปราะบางทางการเงินของคนไทยที่เกือบครึ่งหนึ่งมีเงินสำรองฉุกเฉินใช้ได้ไม่ถึงเดือน แม้จะมีความพยายามในการลดรายจ่าย หรือพยายามว่างแผนการเงิน แต่เมื่อรายได้ไม่พอกับรายจ่ายจึงยังไม่สามารถแก้ปัญหาด้วยตนเองได้อย่างเต็มที่นอกจากนี้จากผลการดำเนินนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาลที่ยังไม่เห็นผลชัดเจนก็ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชนด้วยเช่นกัน

ว่าที่ร้อยเอกศักดา ศรีทิพย์ อาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรกฎหมายมหาชนและบริหารงานยุติธรรม โรงเรียนกฎหมาย และการเมืองมหาวิทยาลัยสวนดุสิตกล่าวว่า จากปัจจัยการส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากการจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐ ปัจจัยการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวทำให้นักท่องเที่ยวลดลง ซึ่ง 2 ปัจจัยนี้เป็นองค์ประกอบหลักของ GDP ประเทศไทย ทำให้ประชาชนค่อนข้างกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน กังวลวาราค่าสินค้าจะแพง ค่าครองชีพจะสูง หนี้สินครัวเรือนจะเพิ่มขึ้น และประชาชนส่วนใหญ่มีเงินสำรองไว้ใช้จ่ายในยามฉุกเฉินน้อยกว่า 1 เดือน จึงต้องลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นลง ลดการก่อหนี้ใหม่ เก็บออมเงินมากขึ้น เพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจ การที่ประชาชนระมัดระวังการจับจ่ายมากขึ้น จะทำให้การบริโภคชะลอตัวเท่ากับเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจภายในประเทศ อาจจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Economic Recession) ทางออกคือเจรจากับสหรัฐ ทำอย่างไรให้เขารู้สึกว่าไม่ขาดดุล แต่ไทยก็ต้องไม่เสียเปรียบ ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ไม่เชื่อมั่นรัฐบาลไทยในการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐอเมริกา

ที่มา : สวนดุสิตโพล