สธ.เผยผลสำรวจ ชี้การสวมหน้ากากอนามัยเริ่มลดลง ย้ำขอให้ทุกคนยังคงเข้มมาตรการป้องกันตัวเอง

1310

สธ.เผยผลสำรวจ ชี้การสวมหน้ากากอนามัยเริ่มลดลง ย้ำขอให้ทุกคนยังคงเข้มมาตรการป้องกันตัวเอง

เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2563 กระทรวงสาธารณสุข รายงานข่าวกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยได้ระบึว่าขณะนี้สถานการณ์การติดเชื้อโควิด 19 ไม่พบผู้ติดเชื้อในประเทศต่อเนื่องเป็นเวลา 11 วันแล้ว เป็นผลมาจากความร่วมมือของประชาชนในการปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด แต่เมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลายการ์ดของประชาชนเริ่มตก ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจทัศนคติต่อการสวมหน้ากากอนามัยช่องทางออนไลน์ ของกรมควบคุมโรคจำนวน 7 ครั้ง พบว่าประชาชนให้ความสำคัญและร่วมมือสวมหน้ากากอนามัยเกือบ 100 %

แต่การสำรวจครั้งล่าสุด (ครั้งที่ 7) ระหว่างวันที่ 25- 30 พฤษภาคม 2563 จำนวน 1,633 ตัวอย่าง พบว่า เมื่อมีไข้จะสวมหน้ากากอนามัยประมาณร้อยละ 89 (ผลสำรวจครั้งที่ 6 ประมาณร้อยละ 96) ส่วนคนไม่มีไข้จะสวมหน้ากากอนามัยประมาณร้อยละ 70 (ผลสำรวจครั้งที่ 6 ประมาณร้อยละ 89) ชี้ให้เห็นว่าแนวโน้มการสวมหน้ากากอนามัยของประชาชนเริ่มลดลง ผนวกกับรัฐบาลได้ผ่อนปรนมาตรการ ทำให้ประชาชนเกิดความชะล่าใจอาจละเลยมาตรการการปฏิบัติตัว ออกมาใช้ชีวิตตามปกตินอกบ้านมากขึ้น บางส่วนไปท่องเที่ยว พบปะญาติ พี่ น้อง เกิดการรวมกลุ่ม บางพื้นที่มีคนอยู่รวมกันมากขึ้น ซึ่งหากมีผู้ติดเชื้อปะปนอยู่อาจทำให้ติดเชื้อตามมาได้ ขอให้ทุกคนยังคงเข้มมาตรการป้องกันตัวเอง โดยเฉพาะการสวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ เว้นระยะห่างระหว่างกัน 1-2 เมตรกินอาหารปรุงสุกใหม่ ใช้ช้อนกลางส่วนตัว หมั่นทำความสะอาดบ้าน ส่วนผู้ประกอบการร้านค้าให้ทำความสะอาดร้านและพื้นผิวที่มีการสัมผัสบ่อยๆ เช่น ราวจับ ราวบันได ปุ่มกดลิฟต์ โต๊ะ ให้ถี่ขึ้น และปฏิบัติให้เป็นนิสัยเพื่อความปลอดภัยจากโรคโควิด 19 และสร้างชีวิตวิถีใหม่ให้เกิดขึ้นในสังคม