จับขังไม่ให้ประกันตัว เจ๊เปิ้ลพร้อมสามี ลวงขายที่ดินทิพย์ เสียหายร่วม 100 ล้าน ด้าน ผบช.ภ.5 สั่งเร่งติดตามเงินผู้เสียหาย หลังตรวจสอบในบัญชีหลักเหลือเงินไม่มาก คาดโยกย้ายก่อนถูกจับ ด้านเจ้าตัวยังไม่ปริปาก พร้อมเตรียมออกหมายจับเซลล์ร่วมแก๊งสัปดาห์หน้า
ช่วงสายวันนี้ 16 มิถุนายน 2566 พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 แถลงความคืบหน้าคดีหลอกขายที่ดินทิพย์ให้กับประชาชน หลังจับกุมนางพิชามญชุ์ หอมหวล อายุ 44 ปี หรือ เจ๊เปิ้ล และ นายคณิสร หอมหวล อายุ 44 ปี สองผู้ต้องหาได้ในพื้นที่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (15 มิ.ย.66) โดยมีกลุ่มผู้เสียหายเดินทางมามอบดอกไม้ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ช่วยเร่งรัดจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองคนได้โดยใช้เวลาไม่กี่วัน
ขณะที่ในการสอบสวนทั้งสองให้การรับสารภาพในพฤติการณ์ความผิด แต่ยังไม่ยอมบอกว่าเงินที่หลอกลวงประชาชนไปได้กว่า 100 ล้านบาทได้นำไปซุกซ่อนหรือยักย้ายถ่ายโอนไปที่ไหน แต่จะขอปรึกษาทนายความก่อนให้การเพิ่มเติมซึ่งก็เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาในการให้การ แต่ในส่วนของการสอบสวนได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.วีระชน บุญทวี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 และ ชุดสืบสวนภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ประสานกับ ปปง.ธนาคารเพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงิน และ ให้ขยายผลให้ได้ว่าเงินสดและทรัพย์สินไปซุกซ่อนที่ไหนเพื่อเร่งอายัดนำมาคืนให้กับผู้เสียหาย
ส่วนเรื่องของผู้เสียหายล่าสุดเข้าแจ้งความที่ สภ.สารภี 110 คน , สภ.สันกำแพง 33 คน , สภ.แม่ริม 50 คน และ ท้องที่จังหวัดลำพูน 29 คน รวม 222 คน อยู่ระหว่างสอบปากคำและรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม ขณะที่ผู้ต้องหาทั้งสองคนจะถูกนำตัวส่งฟ้องศาลจังหวัดเชียงใหม่ตามหมายจับของ สภ.สารภี ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนภายในวันพรุ่งนี้และจะไม่อนุญาตให้ประกันตัวในชั้นสอบสวนเนื่องจากเป็นคดีที่มีผู้เสียหายจำนวนมากและมีมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก ส่วนในคดีอื่น ๆ ที่มีการเข้าแจ้งความเพิ่มเติม จะมีการสอบสวนปากคำคู่ขนานกันไปเพื่อขอหมายจับเพิ่มและจะมีการแยกดำเนินคดีกันในทุกคดี
ขณะที่ทางด้าน พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 เปิดเผยว่า ภายหลังการติดตามจุบกุมผู้ต้องหาทั้ง สองคนมาดำเนินคดีตามกฎหมาย และในส่วนของทรัพย์สินนั้น อยู่ที่การรวบรวมพยานหลักฐานของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และตรวจสอบว่ามีเงินในบัญชีมากน้อยเพียงใด และที่สำคัญคือบัญชีที่เปิดใช้ในการรับเงินของผู้เสียหาย ที่เป็นบัญชีหลัก 3-4 บัญชี และมีการจำหน่ายจ่ายโอน เงินเหล่านั้นไปที่ใดบ้าง เนื่องจากล่าสุดจากการตรวจสอบเงินที่พบมีมูลค่าไม่มากนัก ซึ่งคาดว่าต้องมีการจำหน่ายจ่ายโอนไปยังบัญชีอื่น โดยขณะนี้อยู่ในการประสานงานกับทางธนาคารเพื่อขอหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อติดตามทรัพย์สินและเงินที่หายไปจากบัญชี
ขณะเดียวกันหากตรวจพบว่า เงินในบัญชีไปอยู่ที่ใดโดยทุจริตหรือมีพยานหลักฐานว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีความเชื่อมโยงกับผู้ต้องหา ก็อาจจะมีความผิดตามกฎหมายด้วย แต่หากเป็นการรับโอนธรรมดา หรือมีหลักฐานยืนยัน หรือมีการรับฝากไว้เฉยๆ ก็ขอให้รีบแสดงตัวและพบเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 4 สถานี หรือเข้าพบกับทางผู้บังคับการภูธรจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยจะมีการสอบสวนเพื่อเป็นพยาน
ผบช.ภ.5 กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของผู้เกี่ยวข้องส่วนอื่นๆ เช่นพนักงาน และเซลล์ ขณะนี้ได้มีการแยกออกเป็นส่วนๆ โดยส่วนแรกเป็นกลุ่มเจ้าหน้าที่ออฟฟิตทั่วไป ที่จะมีการสอบสวนเพื่อเป็นพยาน ส่วนเจ้าหน้าที่ทางการเงิน หรือที่ดูแลบัญชี ก็จะพิจารณาอีกครั้งว่ามีส่วนในการร่วมกระทำความผิด หรือรู้เห็นในการกระทำผิดหรือไม่ และในส่วนสุดท้ายกลุ่มเซลล์ที่รู้อยู่แล้วว่าโครงการดังกล่าวไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และได้ร่วมกับทางผู้ต้องหา ทำการเสนอขายหรือหลอกลวง ก็จะมีการทยอยขอหมายจับกับทางศาล ในช่วงสัปดาห์หน้า เพื่อติดตามกลั่มเซลล์ และกลุ่มผู้ร่วมกระทำความผิดทาดำเนินการต่อไป
อย่างไรก็ตามในส่วนของผู้ต้องหา หลังจากที่มีการจับกุมตัวได้และนำตัวมาสอบสวนอยู่ขณะนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจขอสงวนข้อมูลและยังไม่ขอเปิดเผย เพื่อให้สะดวกต่อการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนเงินที่ผู้ต้องหาได้หลอกทางผู้เสียหายไปนั้น เบื้องต้นยังไม่ยอมให้การรับสารภาพว่าเงินส่วนใหญ่ประทุษร้ายไปอยู่ที่ใด และอาจจะต้องตรวจสอบหลักฐานการเงินเป็นหลัก เนื่องจากเงินจากผู้เสียหายส่วนใหญ่จะโอนจากบัญชีธนาคารของบริษัท ส่วนเซลล์บริษัทเท่าที่ตรวจสอบขณะนี้พบอยู่ประมาณ 8-10 คน และบางคนได้มีการแตกกลุ่มออกไปเปิดบริษัทคู่ขนานกัน และมีลักษณะคล้ายคลึงกัน เพื่อหลอกลวงประชาชนอีก โดยในส่วนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีพยานหลักฐานอยู่พอประมาณ และจะต้องรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อติดตามดำเนินคดีต่อไป