สมาคมวิทยาการวัชพืชฯ เผย “น้ำปู” กินได้ มีค่าสารตกค้างที่น้อยมากและไม่เป็นอันตราย โต้ “มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค” ให้ข้อมูลไม่ครบถ้วนทำสังคมตื่นตระหนก

6533

สมาคมวิทยาการวัชพืชฯ เผย “น้ำปู” กินได้ มีค่าสารตกค้างที่น้อยมากและไม่เป็นอันตราย โต้ “มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค” ให้ข้อมูลไม่ครบถ้วนทำสังคมตื่นตระหนก

       จากกรณีที่ทางศูนย์ทดสอบฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เปิดเผยผลการตรวจวิเคราะห์พบการตกค้างของสารพาราควอตจำนวน 8 ตัวอย่าง จากจำนวน 24 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 33  หรือ 1 ใน 3 ของตัวอย่างที่สุ่มตรวจทั้งหมด ใน 6 จังหวัด  โดยตัวอย่างทั้งหมดมีค่าเฉลี่ยของการตกค้างพาราควอตเป็นจำนวน 0.04275 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม นั้น

ศูนย์ทดสอบฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค พบสารพาราควอตในน้ำปู 33% จาก 24 ตัวอย่างใน 6 จังหวัดภาคเหนือ

      ล่าสุดทางสมาคมวิทยาการวัชพืชแห่งประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความลงบนแฟนเพจ ระบุถึงเรื่องน้ำปูดังกล่าว โดยระบุว่า อย่าตกใจกับข่าวพาราควอตตกค้างในน้ำปู ถ้าคุณกินน้ำปูไม่เกินวันละ 7 กิโลกรัม ข่าวประจำวันที่ 25 กันยายน 2563 คงไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเท่าข่าวมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค แถลงว่า พบการตกค้างของสารกำจัดวัชพืชพาราควอตในน้ำปู 8 ตัวอย่างจากทั้งหมด 24 ตัวอย่าง โดยค่าเฉลี่ยที่พบคือ 0.04 275 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม

ซึ่งเรื่องนี้ทางสมาคมวิทยาการวัชพืชแห่งประเทศไทยได้ตั้งข้อสังเกตมาหลายครั้งแล้วว่ากลุ่ม NGO เช่น thai-pan และมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค นิยมการแถลงข่าว ว่าตรวจพบผลตกค้างของสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ทั้งในผักสด ผลไม้ รวมถึง “น้ำปู” (น้ำปู เป็นอาหารพื้นบ้านประจำท้องถิ่นในภาคเหนือ ที่ใช้ปูนา มาตำให้ละเอียดแล้วนำไปต้มกับน้ำเกลือ เคี่ยวไปเรื่อยๆจนแห้งลักษณะคล้ายๆน้ำพริกตาแดง นิยมทานกับหน่อไม้ต้ม หรือใส่ในแกงหน่อหรือใส่ในตำส้มโอ ด้วยน้ำปูมีรสเค็มจัดปกติแล้วจะใส่ประมาณไม่เกิน 1-2 ช้อนโต๊ะ ต่อแกง 1 หม้อเท่านั้น)

แต่สิ่งที่ NGO ไม่เคยพูดถึง คือ ผัก ผลไม้ หรือน้ำปู มีค่าตกค้างของสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ที่ไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคเลย  เพราะในแต่ละวัน ไม่มีมนุษย์คนใดในโลกนี้สามารถจะกินน้ำปูได้มากกว่า 7 กิโลกรัมต่อวัน หรือประมาณ 60 กระปุก ( 1 กระปุกหนัก 120 กรัม) ใช่หรือไม่

สมาคมฯ ขอร้องให้มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค หยุดพฤติกรรมสร้างความตื่นตระหนกให้กับสังคม และหันกลับมาให้ความรู้ทางวิชาการที่ถูกต้องแก่สังคมดีกว่า ให้สมกับชื่อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค การป้อนข้อมูลให้สังคมไม่ครบถ้วน ส่อเจตนาต้องการให้เกิดความตื่นตระหนกใช่หรือไม่

แต่หากมูลนิธิ ทำไปด้วยความไม่รู้ สมาคมก็ขออธิบายให้ฟังง่ายๆดังนี้ว่า ค่าตกค้างไม่ได้บ่งบอกถึงมาตรฐานความปลอดภัยต่อผู้บริโภค เราต้องดูค่า ADI (Acceptable Daily Intake) ของสารเคมีแต่ละชนิด ด้วยว่าถูกกำหนดไว้เท่าไหร่ ต่อน้ำหนักตัว 1 กก. /วัน จากนั้น ให้นำมาคำนวณกลับ ว่า คนน้ำหนักตัวเฉลี่ย 60 กก. จะบริโภคน้ำปู ที่มีการตกค้างของพาราควอต ได้ทุกวันอย่างปลอดภัย วันละกี่กิโลกรัม

ข้อมูล : สมาคมวิทยาการวัชพืชแห่งประเทศไทย

#ความจริงเพียงครึ่งเดียวเรื่องที่5?อย่าตกใจกับข่าวพาราควอตตกค้างในน้ำปู ถ้าคุณกินน้ำปูไม่เกินวันละ 7…

โพสต์โดย สมาคมวิทยาการวัชพืชแห่งประเทศไทย เมื่อ วันศุกร์ที่ 25 กันยายน 2020

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศูนย์ทดสอบฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค พบสารพาราควอตในน้ำปู 33% จาก 24 ตัวอย่างใน 6 จังหวัดภาคเหนือ