ผบช.สตม. ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ไวรัสโคโรนา ที่เชียงใหม่ เผยตัวเลขชาวจีนที่เดินทางมาจากพื้นที่เสียง 2 เมือง เข้ามาในประเทศไทย คงเหลือประมาณ 18,000 คน ยืนยันยังไม่มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อ พร้อมเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 4 ก.พ. 63 ที่บริเวณห้องรับรอง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิดดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชำนาญ ชำนาญเวช ผบก.ตม.5 , นายอมรรัตน์ ชุมสาย ณ อยุธยา ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ , นายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ และ ดร.อดุลย์ศักดิ์ วิจิตร รอง ผอ.สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1 ได้ร่วมกันแถลงข่าวการดำเนินการรับมือ และสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา พร้อมทั้งได้มีการมอบอุปกรณ์ป้องกันในการปฏิบัติหน้าที่ให้กับทางเจ้าหน้าที่ของท่าอากาศยานเชียงใหม่ ตามนโยบายการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ที่ขณะนี้ได้มีการบูรณาการการปฏิบัติการร่วมกันทุกฝ่าย เพื่อติดตามเฝ้าระวังและรายงานสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ภายหลังมีกระแสข่าวการแพร่ระบาดกับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน และการเดินทางเข้ามายังในพื้นที่ประเทศไทย
ทั้งนี้ทาง พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิดดวง ผบช.สตม. เปิดเผยว่า จากกรณีที่ปรากฏข่าวที่ทางเมืองอู่ฮั่นประเทศจีน ได้แจ้งข้อมูลว่ามีประชากรทะลักออกนอกเมืองก่อนการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่ากว่า 5 ล้านคน ซึ่งหลังปรากฏข้อมูลดังกล่าวออกไปแล้วนั้นทางตรวจคนเข้าเมืองได้มีการเฝ้าระวังและป้องกัน รวมไปถึงมีการตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อป้องกันผู้ติดเชื้อผ่านเข้ามาในพื้นที่และเกิดการแพร่ระบาด โดยในส่วนของตัวเลขที่พบว่ามีการเดินทางเข้ามาในพื้นที่แล้ว ตั้งแต่ช่วงวันที่ 1 ธ.ค.62 จนถึงปัจจุบัน พบนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่นเข้ามาในพื้นที่ประมาณ 40,000 คน และได้ออกจากพื้นที่ไปแล้ว 36,000 คน คงเหลืออยู่ประมาณ 12,000 คน และในส่วนของเมืองกวางโจว ที่เป็นอีกจุดแพร่ระบาดก็มีรายงานประชากรเข้ามาประมาณ 186,778 คน และออกไปแล้ว 151,039 คน และคงเหลือประชากรทั้ง 2 เมืองดังกล่าว จำนวนที่แพร่ระบาด 18,841 คน รวมไปถึงชาวจีนที่มาจากเมืองต่างๆ และที่เข้ามาเรียน รวมทั้งสิ้น 730,353 คน
โดยในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองก็ได้มีการประสานงานกันอย่างใกล้ชิดกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งท่าอากาศยานและสาธารณสุขจังหวัด และหน่วยงานอื่นๆ ในการดำเนินการคัดกรอง และการดำเนินมาตรการในการเพิ่มความเข้มข้นของทุกหน่วยงาน ซึ่งเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะมีมาตรฐานที่ไม่แพ้กับมาตรฐานสากล เนื่องจากเป็นคำสั่งของทางท่านนายกรัฐมนตรี ในการประสานกับทุกหน่วยงานแลกเปลี่ยนข้อมูลตลอด 24 ชั่วโมง รวมไปถึงการสนับสนุนเครื่องมือในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ด้วย
ขณะที่ในส่วนของชาวจีนที่ยังอยู่ โดยเฉพาะเมืองที่มีการแพร่ระบาด เมืองอู่ฮั่นและกวางโจว ที่มีตัวเลขอยู่ประมาณ 18,000 คน ได้มีการสั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศตรวจสอบจากที่อยู่ที่ได้มีการแจ้งมาทางใบ ตม.6 พร้อมทั้งได้มีการประสานกับทางสาธารณสุขจังหวัด ดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบว่ามีการติดเชื้อในส่วนที่ได้มีการลงสุ่มตรวจจากตัวเลข 18,000 คน ที่กล่าวมาและในส่วนของที่เหลือก็จะได้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยยืนยันว่าการดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้วิตกกังวลเกี่ยวกับข้อมูลบางอย่างที่อาจไม่เป็นความจริง และขอให้ติดตามข้อมูลที่ทางส่วนกลางออกแถลงให้ทราบเท่านั้น
ทางด้าน นายอมรรัตน์ ชุมสาย ณ อยุธยา ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ในส่วนของมาตรการของท่าอากาศยานเชียงใหม่ ในการตรวจสอบและเฝ้าระวังเกี่ยวกับผู้ติดเชื้อ ทางท่าอากาศยานเชียงใหม่ได้มีการจัดพื้นที่คัดกรองผู้โดยสารที่เดินทางมาระหว่างประเทศ และมีการจัดพื้นที่เพื่อคัดกรองผู้โดยสารที่มาจากประเทศจีนทุกเที่ยวบิน ซึ่งดำเนินการตามมาตรการสาธารณสุขที่มีการแจ้งแนะนำมา โดยมีการตรวจทุกเที่ยวบินที่มาจากประเทศจีน เมื่อเข้ามาก็จะมีการคัดกรองโดยเครื่องเทอร์โมสแกน และเครื่องตรวจอุณหภูมิ ซึ่งจะมีทางเจ้าหน้าที่ บุคลากรทางการแพทย์จากของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจคัดกรอง และเมื่อตรวจแล้วหากพบว่าผู้โดยสารคนใดที่ต้องสงสัยก็จะทำการเชิญเข้ามาที่ห้องคัดกรอง เพื่อดำเนินการตรวจอาการซ้ำอีกครั้ง และหากพบว่ามีอาการไข้สูงจำเป็นจะต้องส่งตัว ก็จะมีการประสานกับทางสาธารณสุขจังหวัด โดยมีรถแอมบูแลนซ์เฉพาะรับไปส่งให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบต่อไป
ขณะเดียวกันในส่วนของกรณีก่อนหน้านี้ที่มีรายงานข่าวการเสียชีวิตของนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่เดินทางมาจากเมืองกวางโจว ในพื้นที่ ต.แม่แรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ นั้น ทางด้าน นายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่าหญิงชาวจีนคนดังกล่าวไม่มีอาการผิดปกติทางระบบทางเดินหายใจแต่อย่างใดก่อนที่จะเสียชีวิต และไม่เข้าเกณฑ์ที่จะต้องสอบสวนโรค แต่เนื่องจากเป็นการเสียชีวิตที่ไม่ปรากฏเหตุ แต่เนื่องจากกระแสข่าวและเป็นที่สนใจของประชาชนในขณะนี้ ทางสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ จึงได้นำชิ้นเนื้อที่ปอดของผู้เสียชีวิตไปตรวจสอบเพื่อหาเชื้อไวรัสแล้ว โดยผลหลัง 48 ชั่วโมง ทราบผลว่าไม่พบเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ดังกล่าวแต่อย่างใด ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตนั้นก็จะดำเนินการตามขั้นตอนของนิติเวชเพื่อชันสูตรสาเหตุต่อไป แต่ข้อมูลที่ปรากฏคือไม่ได้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสตามที่มีความวิตกกังวลกันแต่อย่างใด