“การบริหารประเทศของจีน” แสดงให้เห็นถึงความได้เปรียบที่เป็นเอกลักษณ์ และมีส่วนสนับสนุนการพัฒนาของโลก
ในโลกปัจจุบัน ลัทธิเอกภาคีนิยมและลัทธิกีดกันทางการค้ากำลังฟื้นคืนชีพมาอีกครั้ง โลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจกำลังเผชิญกับอุปสรรค และระเบียบระหว่างประเทศกำลังทวีความวุ่นวายมากขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์ที่ซับซ้อนและความท้าทายอันหนักหน่วงนี้ จีนซึ่งยึดมั่นในแนวคิดของสีจิ้นผิงว่าด้วยสังคมนิยมที่มีลักษณะเฉพาะของจีนในยุคใหม่ ยึดมั่นในการพัฒนาที่เปิดกว้าง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างสรรค์ ส่งเสริมการพัฒนาที่มีคุณภาพสูงและการบริหารที่มีประสิทธิภาพ และผลักดันการพัฒนาให้ทันสมัยแบบจีนอย่างต่อเนื่อง ความสำเร็จด้านการพัฒนาของจีนนำมาซึ่งโอกาสใหม่ๆ ให้กับโลก และ “การบริหารของจีน” มอบภูมิปัญญาและทางออกให้กับประเทศอื่นๆ ในการบริหารประเทศ ในที่นี้ ข้าพเจ้าขอนำเสนอข้อดีอันโดดเด่นหลายประการของ “การบริหารของจีน” ให้แก่มิตรประเทศของเราในประเทศไทย
การพัฒนาประเทศเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน เลขาธิการสี จิ้นผิง เคยกล่าวว่าเราต้องยึดมั่นในปรัชญาการพัฒนาที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง และสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับประเทศชาติคือความสุขและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน ด้วยการเชื่อมโยงเป้าหมายการพัฒนาเชิงยุทธศาสตร์เข้ากับวัตถุประสงค์ระยะสั้น และดำเนินการอย่างเป็นระบบ จีนจึงบรรลุการพัฒนาเศรษฐกิจในระยะยาวที่แข็งแรงและมั่นคง ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2012 ถึง ค.ศ. 2024 ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนเติบโตจาก 54 ล้านล้านหยวน เป็นเกือบ 135 ล้านล้านหยวน โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 6% ซึ่งเกือบสองเท่าของอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีของเศรษฐกิจโลก (3.1%) ขณะเดียวกัน จีนยืนยันว่าประชาชนควรแบ่งปันผลสำเร็จของการพัฒนา ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างต่อเนื่อง และสร้างระบบการศึกษา ประกันสังคม และระบบสาธารณสุขที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อให้มั่นใจว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจะเกิดประโยชน์ต่อประชาชนอย่างกว้างขวางและเท่าเทียมกันมากขึ้น ความรู้สึกถึงประโยชน์ ความสุข และความมั่นคงของผู้คนเพิ่มมากขึ้น มีหลักประกันและยั่งยืนขึ้น และความต้องการชีวิตที่ดีขึ้นที่เพิ่มมากขึ้น ก็ได้รับการตอบสนองดีขึ้นด้วย
การบรรเทาความยากจนเชื่อมโยงกับการฟื้นฟูความเจริญของชนบทอย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้การนำของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยมีสหายสีจิ้นผิงเป็นแกนนำ ประเทศได้ดำเนินยุทธศาสตร์การบรรเทาความยากจนตรงเป้า สร้างแบบแผนการลดความยากจนและธรรมาภิบาลของจีน และมีคุณูปการต่อการลดความยากจนทั่วโลก หลังจากความพยายามอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาแปดปี ประชากรยากจนในชนบทเกือบ 100 ล้านคนในประเทศจีนหลุดพ้นจากความยากจน อำเภอยากจนทั้งหมดถูกถอดถอนออกจากบัญชีรายชื่อความยากจน และปัญหาความยากจนโดยรวมในภูมิภาคได้รับการแก้ไข อดีตประธานธนาคารโลก จิม ยอง คิม ยกย่องความสำเร็จนี้ว่าเป็น “หนึ่งในเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ” จีนได้ใช้การเอาชนะความยากจนและการสร้างสังคมที่มั่งคั่งปานกลางในทุกด้านเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับชีวิตใหม่และการต่อสู้ครั้งใหม่ ส่งเสริมการพัฒนาพื้นที่ยากจนและการฟื้นฟูความเจริญของชนบทอย่างครอบคลุมอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน ระดับการพัฒนา การบริหารจัดการ และการพัฒนาอุตสาหกรรมในชนบทของจีนกำลังพัฒนาและได้ยกระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อัตราการเติบโตของรายได้ของชาวชนบทสูงกว่าชาวเมืองเป็นเวลาหลายปีติดต่อกัน การเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งกำลังเกิดขึ้นทั้งในเขตเมืองและชนบท และเป้าหมายของความมั่งคั่งร่วมกันกำลังกลายเป็นจริง
นวัตกรรมขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพสูง การพัฒนาที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมเป็นกลยุทธ์สำคัญสำหรับการพัฒนาของจีน สีจิ้นผิง เลขาธิการใหญ่ ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเร่งดำเนินการตามกลยุทธ์การพัฒนาที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม จีนเข้าใจลึกซึ้งถึง “กุญแจสำคัญ” ของนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ส่งผลให้เกิดความสำเร็จด้านนวัตกรรมอย่างก้าวกระโดดในด้านพลังงานใหม่ ชีวการแพทย์ ปัญญาประดิษฐ์ และสาขาอื่นๆ การใช้พลังงานต่อหน่วย GDP ลดลง 11.6% สะสมในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา จีนยังคงรักษาตำแหน่งผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์พลังงานใหม่รายใหญ่ที่สุดของโลก และปริมาณการค้าสินค้าเติบโตเฉลี่ยปีละ 8.0% พื้นที่เพาะปลูกมาตรฐานสูงกว่า 1 พันล้านหมู่ หรือประมาณ 420 ล้านไร่… นวัตกรรมได้เปลี่ยนแปลงวิธีการใช้ทรัพยากร เพิ่มประสิทธิภาพของปัจจัยการผลิต เปิดพื้นที่และลู่ทางใหม่ๆ ที่คนอื่นไม่มีหรือมีรุ่นใหม่กว่า ส่งเสริมและขยายพลังการผลิตใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพิ่มความสามารถในการรับมือความเสี่ยงจากภายนอก และสตาร์ทเครื่องยนต์ใหม่สำหรับการพัฒนาคุณภาพสูง
อารยธรรมเชิงนิเวศและการพัฒนาสีเขียวได้ก้าวหน้าอย่างลงลึก ภายใต้แนวคิดของสีจิ้นผิงเกี่ยวกับอารยธรรมเชิงนิเวศ จีนได้นำแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ที่ว่า “น้ำใสเขาเขียวก็คือภูเขาเงินภูเขาทอง” มาใช้อย่างจริงจัง แนวโน้มความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศได้รับการควบคุมอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยคุณภาพอากาศที่ดีขึ้นอย่างรวดเร็วที่สุดในโลก คุณภาพน้ำผิวดินเพิ่มขึ้นสูงสุด และทรัพยากรป่าไม้และพื้นที่ปลูกป่าเติบโตสูงสุด ผลผลิตสีเขียวกำลังเฟื่องฟู ด้วยระบบพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดในโลก และกำลังการผลิตสำหรับพลังงานน้ำ พลังงานลม และพลังงานแสงอาทิตย์ครองที่หนึ่งในโลก โครงสร้างอุตสาหกรรมของจีนกำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยมีแนวโน้มสำคัญที่มุ่งสู่การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล อัจฉริยะ และสีเขียว จอห์น คอบบ์ จูเนียร์ สมาชิกสถาบันศิลปะและวิทยาศาสตร์แห่งอเมริกา ผู้ล่วงลับไปแล้ว เคยกล่าวไว้ว่าความพยายามอันแน่วแน่และโดดเด่นของจีนในด้านอารยธรรมเชิงนิเวศได้มอบความหวังให้กับโลก และจีนคือความหวังของโลก
การเปิดกว้าและธรรมาภิบาลโลกมีความเชื่อมโยงและเกื้อกูลกัน เลขาธิการใหญ่ สี จิ้นผิง เน้นย้ำว่า ความมุ่งมั่นของจีนในการขยายการเปิดกว้างระดับสูงจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แบ่งปันโอกาสการพัฒนากับโลกจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง และส่งเสริมโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจไปสู่ทิศทางที่เปิดกว้าง ครอบคลุม เป็นธรรม สมดุล และได้ประโยชน์ร่วมกัน จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง จีนมีส่วนผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกอยู่ที่ประมาณ 30% มาเป็นเวลานาน และจีนได้กลายเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของกว่า 150 ประเทศและภูมิภาค ปริมาณการค้าสินค้ารวมของจีนครองอันดับหนึ่งของโลกติดต่อกันหลายปี และอยู่ในอันดับต้นๆ ของการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและการลงทุนในต่างประเทศ เมื่อเร็วๆ นี้ ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงได้เสนอแนวคิดริเริ่มธรรมาภิบาลโลกอย่างเป็นทางการ โดยสนับสนุนแนวคิดหลัก “5 ประการ” ได้แก่ การธำรงไว้ซึ่งความเท่าเทียมทางอธิปไตย การธำรงไว้ซึ่งหลักนิติธรรมระหว่างประเทศ การธำรงไว้ซึ่งหลักพหุภาคี การธำรงไว้ซึ่งประชาชนเป็นศูนย์กลาง และการธำรงไว้ซึ่งหลักลงมือปฏิบัติได้จริง แนวคิดริเริ่มนี้ชี้ให้เห็นถึงแนวทางการปฏิรูปและการพัฒนาระบบธรรมาภิบาลโลก และมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาสันติภาพและการพัฒนาของโลก จีนยินดีที่จะแบ่งปันประสบการณ์ด้านการพัฒนาและการบริหารประเทศกับประเทศอื่นๆ ต่อไป และทำงานร่วมกันเพื่อสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันสำหรับมนุษยชาติ
ตลอด 50 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนและไทย ความร่วมมือเชิงปฏิบัติในหลากหลายมิติได้เติบโตจากศูนย์สู่มี จากมีน้อยสู่มีมาก ก่อให้เกิดและยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีของทั้งสองประเทศและประชาชนอย่างต่อเนื่อง ด้วยการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีที่ลึกซึ้งและแข็งแกร่ง ประกอบกับการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วในระยะยาวของจีน ความร่วมมือในโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางระหว่างจีนและไทยได้ก่อให้เกิดผลสำเร็จอย่างงดงาม และความร่วมมือในด้านต่างๆ เช่น เศรษฐกิจดิจิทัล การพัฒนาสีเขียว และนวัตกรรมเทคโนโลยีก็กำลังเฟื่องฟู จีนยินดีที่จะแลกเปลี่ยนและแบ่งปันประสบการณ์และความสำเร็จด้านการบริหารประเทศกับไทยและประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ส่งเสริมการประสานยุทธศาสตร์การพัฒนาและความร่วมมือเชิงปฏิบัติในหลากหลายสาขา ร่วมกันสร้างบทใหม่แห่ง “ผนึกความงดงามเข้าด้วยกกันและจะทำให้ความงดงามนั้นยิ่งทวีคูณ” และมีส่วนร่วมมากขึ้นในการสร้างความก้าวหน้าของมนุษยชาติ

























