ปฏิบัติตามแนวคิดริเริ่มธรรมาภิบาลโลกและก้าวสู่โลกแห่งการกำกับดูแลและได้ประโยชน์ร่วมกัน

12

ปฏิบัติตามแนวคิดริเริ่มธรรมาภิบาลโลกและก้าวสู่โลกแห่งการกำกับดูแลและได้ประโยชน์ร่วมกัน

ปีนี้เป็นวาระครบรอบ 80 ปีแห่งชัยชนะของสงครามต่อต้านฟาสซิสต์โลกและการก่อตั้งองค์การสหประชาชาติ ในปีแห่งการเปลี่ยนผ่านอันพิเศษนี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้นำเสนอแนวคิดริเริ่มธรรมาภิบาลโลกอย่างเป็นทางการในการประชุม “องค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ พลัส” เมื่อวันที่ 1 กันยายน แนวคิดริเริ่มนี้สนับสนุนหลักการสำคัญ “ห้าประการ” ได้แก่ การธำรงไว้ซึ่งความเท่าเทียมทางอธิปไตย หลักนิติธรรมระหว่างประเทศ พหุภาคีนิยม ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง และการมุ่งมั่นปฏิบัติจริง แนวคิดริเริ่มนี้เป็นแนวทางในการปฏิรูปและพัฒนาระบบธรรมาภิบาลโลก และมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาสันติภาพและการพัฒนาของโลก

แนวคิดริเริ่มธรรมาภิบาลโลกถูกเสนอขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสมและแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบของประเทศขนาดใหญ่  ในโลกปัจจุบัน ระบบธรรมาภิบาลโลกที่มีสหประชาชาติเป็นศูนย์กลาง ซึ่งกำลังเผชิญกับความไม่สงบในภูมิภาคที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง การพัฒนาเศรษฐกิจที่ชะงักงัน ความรู้สึกต่อต้านโลกาภิบาลที่เพิ่มสูงขึ้น การขาดกฎระเบียบและหลักนิติธรรม กำลังเผชิญกับความท้าทายที่รุนแรง ด้วยเหตุนี้ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิงจึงได้เสนอแนวคิดริเริ่มธรรมาภิบาลโลกขึ้นอย่างเป็นทางการด้วยมุมมองที่กว้างไกลเกี่ยวกับกิจการระหว่างประเทศและมุมมองระดับโลก แนวคิดริเริ่มนี้สอดคล้องกับแนวโน้มทางประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติและความปรารถนาอันแรงกล้าของประชาชนทั่วโลก ตอบสนองความต้องการของความร่วมมือที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ในโลกปัจจุบัน นี่เป็นอีกหนึ่งผลงานสาธารณะที่สำคัญที่จีนได้มีส่วนสนับสนุนต่อโลก โดยมุ่งแก้ไขปัญหาสำคัญๆ เกี่ยวกับ “ความเสียสมดุล ความเสียระเบียบ และความเสียสมรรถนะ” ของธรรมาภิบาลโลกโดยตรง และเพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงให้กับโลกที่ผันผวน และแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและการดำเนินการของจีนในกิจการระหว่างประเทศ

แนวคิดริเริ่มธรรมาภิบาลโลกนี้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ และถือเป็นการพัฒนาและยกระดับระบบและกลไกระหว่างประเทศที่มีอยู่ การส่งเสริมการปฏิรูปและการปรับปรุงธรรมาภิบาลโลกของจีนไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อล้มล้างระเบียบระหว่างประเทศที่มีอยู่หรือสร้างระเบียบใหม่ที่อยู่นอกเหนือระบบระหว่างประเทศที่มีอยู่เดิม แต่มุ่งหมายที่จะเสริมสร้างการบังคับใช้และประสิทธิภาพของระบบและกลไกระหว่างประเทศที่มีอยู่เดิม ให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงในปัจจุบันมากขึ้น ช่วยให้สามารถตอบสนองต่อความท้าทายระดับโลกได้อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และตอบสนองผลประโยชน์ของทุกประเทศได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศกำลังพัฒนา

แนวคิดริเริ่มธรรมาภิบาลโลกเป็นการปรับปรุงและพัฒนาวัฒนธรรมดั้งเดิมอันดีงามของจีนอย่างสร้างสรรค์ซึ่งครอบคลุมหลักการต่างๆ เช่น “ความปรองดองระหว่างทุกชาติ” “ใต้หล้าเป็นของส่วนรวม” และ “เอกภาพแห่งการรู้และการปฏิบัติ” นอกจากนี้ยังเป็นการสืบสานแนวปฏิบัติทางการทูตอันดีงามของจีนในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและแสวงหาจุดร่วมสงวนจุดต่างเป็นต้น “แนวคิดหลัก 5 ประการ” ของแนวคิดริเริ่มนี้ มุ่งแก้ไขปัญหาปัจจุบันเกี่ยวกับการขาดธรรมาภิบาลโลกอย่างเป็นระบบ เพื่อเป็นแนวทางสำหรับการสร้างระบบธรรมาภิบาลโลกที่มีความเป็นธรรมและเท่าเทียมยิ่งขึ้น และร่วมมือกันสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันสำหรับมนุษยชาติตามหลักการทางวิทยาศาสตร์

ความเท่าเทียมทางอธิปไตยเป็นหลักการสำคัญของธรรมาภิบาลโลก อธิปไตยและศักดิ์ศรีของทุกประเทศต้องได้รับการเคารพ และทุกประเทศมีสิทธิที่จะเลือกระบอบสังคมและเส้นทางการพัฒนาของตนเองได้อย่างอิสระ เราต้องส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตยในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มุ่งมั่นที่จะทำให้ระบบธรรมาภิบาลโลกมีความเป็นเอกภาพและสะท้อนถึงผลประโยชน์และความต้องการของประเทศส่วนใหญ่มากขึ้น และเพิ่มพูนการเป็นตัวแทนและเสียงของประเทศกำลังพัฒนา บางประเทศผูกขาดการบริหารจัดการโลก และบางประเทศใช้อำนาจครอบงำทางเศรษฐกิจเพื่อบงการและบ่อนทำลายระบบธรรมาภิบาลโลก เพิกเฉยต่ออธิปไตยและศักดิ์ศรีของประเทศอื่น และแทรกแซงการพัฒนาเศรษฐกิจโลก สถานการณ์เช่นนี้ไม่ควรดำรงอยู่ต่อไปอีก

หลักนิติธรรมระหว่างประเทศเป็นหลักประกันพื้นฐานของธรรมาภิบาลโลก “กฎหมายคือรากฐานของธรรมาภิบาล” ประชาคมระหว่างประเทศควรปกครองโดยกฎเกณฑ์และฉันทามติที่ทุกประเทศบรรลุร่วมกัน ไม่ใช่เพียงคำสั่งของประเทศใดประเทศหนึ่งหรือไม่กี่ประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมหาอำนาจควรเป็นผู้นำในการสนับสนุนและธำรงไว้ซึ่งหลักนิติธรรมระหว่างประเทศ การละเมิดหรือบิดเบือนกฎเกณฑ์ระหว่างประเทศ รวมถึงหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ จะบั่นทอนอำนาจของระบบธรรมาภิบาลโลกอย่างร้ายแรงและก่อให้เกิดผลเสียหายร้ายแรงต่อมนุษยชาติ สำหรับสาขาอุตสาหกรรมที่กำลังพัฒนา เช่น ปัญญาประดิษฐ์ ไซเบอร์สเปซ และอวกาศ ควรกำหนดมาตรฐานและกฎเกณฑ์ระหว่างประเทศขึ้นบนพื้นฐานของความเห็นพ้องกันที่กว้างขวาง ควรหลีกเลี่ยงการใช้มาตรฐานสองมาตรฐานหรือประเทศใดประเทศหนึ่งกำหนดเกณฑ์ขึ้นมาและบังคับใช้กับประเทศอื่น

พหุภาคีนิยมเป็นแนวทางพื้นฐานของธรรมาภิบาลโลก การบริหารจัดการโลกเป็นเรื่องของทุกคน โดยคำนึงถึงผลประโยชน์สำคัญของทุกประเทศ การบริหารจัดการต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของการประสานงานและความร่วมมือ ไม่ใช่การกลั่นแกล้งฝ่ายเดียว เราต้องยืนกรานว่าทุกฝ่ายควรหารือกันในกิจการโลก ระบบการบริหารจัดการต้องสร้างขึ้นโดยทุกคน และผลจากการบริหารจัดการต้องแบ่งปันกัน เราควรให้ความสำคัญกับบทบาทเชิงสร้างสรรค์ของกลไกพหุภาคีทั้งในระดับโลกและระดับภูมิภาคอย่างเต็มที่ และหลีกเลี่ยงข้อตกลงใดๆ ที่เลือกปฏิบัติหรือกีดกัน “การแบ่งพรรคพวก” “สงครามเย็นครั้งใหม่” “กีดกันทางการค้า”และ “การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ” และการสร้างกำแพงกีดกันระหว่างประเทศล้วนแต่ผลักดันให้โลกก้าวไปสู่ความแตกแยกและแม้กระทั่งการเผชิญหน้ากัน

การยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางคือค่านิยมร่วมของธรรมาภิบาลโลก ท้ายที่สุดแล้ว ธรรมาภิบาลโลกคือการทำให้ความปรารถนาของประชาชนในทุกประเทศที่ต้องการมีชีวิตที่ดีขึ้นกลายเป็นความจริง และร่วมกันสร้างโลกที่ทุกคนมีความเจริญรุ่งเรืองและความเป็นอยู่ที่ดี ความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนและธรรมาภิบาลโลกเปรียบเสมือนเหรียญสองด้านของเหรียญเดียวกันและมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ประชาชนในทุกประเทศคือผู้มีส่วนร่วมและผู้รับผลประโยชน์ขั้นพื้นฐานของธรรมาภิบาลโลก ระบบธรรมาภิบาลที่ดีคือระบบที่นำความสุขมาสู่ประชาชนอย่างแท้จริง การให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนและการมอบความเชื่อมั่นและความคาดหวังที่มั่นคงอย่างต่อเนื่อง ระบบธรรมาภิบาลโลกถึงจะได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวางและดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การมุ่งเน้นการปฏิบัติจริงเป็นหลักการสำคัญของธรรมาภิบาลโลก พลังแห่งธรรมาภิบาลโลกเกิดจากการปฏิบัติ กุญแจสำคัญอยู่ที่การปฏิบัติ และท้ายที่สุดคือผลลัพธ์ ปัจจุบัน องค์การพหุภาคีประสบปัญหาหลายประการ เช่นมีการหารือแต่ไม่ตัดสินใจ หรือตัดสินใจแต่ไม่ลงมือปฏิบัติ เนื่องด้วยอุปสรรคจากบางประเทศ ทำให้การดำเนินวาระ การสร้างกลไก การปฏิรูปและนวัตกรรมล่าช้าอย่างมาก เราต้องลงมือปฏิบัติและมุ่งเน้นการปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาที่ยากลำบากและซับซ้อน เราต้องจัดการกับข้อกังวลเชิงปฏิบัติของทุกประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศกำลังพัฒนา ประเทศที่พัฒนาแล้วต้องปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างจริงจัง จัดสรรทรัพยากรและผลประโยชน์สาธารณะให้มากขึ้น ประเทศกำลังพัฒนาต้องร่วมมือกันเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งและมีส่วนร่วมอย่างเต็มศักยภาพ

จีนและไทย ซึ่งเป็นประเทศกำลังพัฒนาทั้งคู่ มีผลประโยชน์ร่วมกันอย่างกว้างขวางและมีจุดยืนที่คล้ายคลึงกันในกิจการระหว่างประเทศ ทั้งสองประเทศได้ปฏิบัติตามหลักพหุภาคีอย่างแท้จริงมาอย่างยาวนาน และสนับสนุนซึ่งกันและกันในการมีบทบาทสำคัญในสหประชาชาติและในเวทีพหุภาคีอื่นๆ จีนยินดีที่จะร่วมมือกับไทยเพื่อธำรงไว้ซึ่งวัตถุประสงค์และหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติอย่างมั่นคง ดำเนินการตามแนวคิดริเริ่มด้านธรรมาภิบาลโลก ส่งเสริมการจัดตั้งระบบธรรมาภิบาลโลกที่มีความเป็นธรรมและเท่าเทียมยิ่งขึ้น พัฒนาและดำเนินการสร้างประชาคมจีน-ไทยที่มีอนาคตร่วมกัน และร่วมมือกันสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันสำหรับมวลมนุษยชาติ