25 ก.ย. 68 – นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (นัดพิเศษ) ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างนโยบายรัฐบาลที่จะนำไปแถลงต่อรัฐสภา เพื่อกำหนดทิศทางการบริหารประเทศไทยในระยะเวลาอันจำกัด ซึ่งเน้นการแก้ไขปัญหา 4 ด้าน ได้แก่
(1) ปัญหาเศรษฐกิจ ลดรายจ่าย ค่าครองชีพให้แก่ประชาชน ด้วยโครงการ “คนละครึ่ง” ลดค่าเดินทาง ค่าขนส่ง และค่าพลังงาน สนับสนุนให้ประชาชนใช้พลังงานทดแทนได้มากขึ้น สะดวกขึ้น ง่ายขึ้น
(2) ปัญหาความมั่นคง กรณีพิพาท ไทย-กัมพูชา รัฐบาลจะดำเนินมาตรการทางการทูตควบคู่มาตรการทางทหาร เพื่อรักษาอธิปไตยของประเทศไทย และรักษาประโยชน์ของประชาชนไทย
(3) ปัญหาภัยพิบัติ ภัยธรรมชาติ นอกจากจะต้องเร่งรัดทำระบบเตือนภัย ป้องกันภัย จะต้องปรับปรุงระบบ มาตรการการดูแลช่วยเหลือประชาชนอย่างรวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์ ซึ่งจะต้องแก้กฎระเบียบ หลักเกณฑ์ต่างๆ ให้เจ้าหน้าที่รัฐดำเนินการได้สะดวก คล่องตัว แก้ปัญหาให้ประชาชนเร็วที่สุด และถูกต้องตามกฎหมาย ป้องกันการรั่วไหลหรือการทุจริตคอร์รัปชัน
(4) ปัญหาภัยสังคม รัฐบาลจะดำเนินการปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติด การพนัน การพนันออนไลน์ สแกมเมอร์ เครือข่ายฉ้อโกงประชาชนขนาดใหญ่ที่สร้างความเสียหายแก่ประชาชนเป็นจำนวนมาก และเป็นภัยทางเศรษฐกิจอย่างจริงจัง รวมทั้ง ดำเนินการทางวินัยและกฎหมายกับเจ้าหน้าที่รัฐที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อย่างเด็ดขาด โดยให้ออกจากราชการไว้ก่อน แล้วตามด้วยการดำเนินคดีอาญาทุกกรณี
“รัฐบาลยืนยันไม่สนับสนุนธุรกิจการพนันทุกรูปแบบ ไม่มีเอนเตอร์เทนเมนต์แบบมีกาสิโน และไม่อนุญาตให้การพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย” นายกรัฐมนตรี ย้ำ
นอกจากนั้น รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ โดยเฉพาะราคาข้าว ราคามันสำปะหลัง และสินค้าเกษตรอีกหลายชนิด โดยจะมีมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ลดต้นทุนการผลิต โดยเฉพาะปุ๋ย พร้อมดำเนินการป้องกัน ปราบปราม ขบวนการลักลอบนำผลผลิตการเกษตรจากประเทศเพื่อนบ้านเข้าประเทศไทยอย่างไม่ถูกกฎหมาย ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้ราคาสินค้าเกษตรในประเทศตกต่ำ ควบคู่ไปกับการพัฒนาศักยภาพการผลิตภาคเกษตรให้เป็นเกษตรอัจฉริยะ
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า รัฐบาลจะจัดทำระบบสาธารณสุข ให้ประชาชนทุกกลุ่มวัยเข้าถึงได้อย่างทั่วถึงและสะดวกที่สุด และปฏิรูปกฎหมายเกี่ยวกับการศึกษา พร้อมเดินหน้าเตรียมความพร้อมให้ประเทศไทย เข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ เพื่อสร้างศักยภาพการแข่งขันของประเทศไทยในเวทีโลก
นอกจากนี้ รัฐบาลจะจัดให้มีการทำประชามติการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ ในวันที่มีการลงคะแนนเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปครั้งหน้า ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะยุบสภาผู้แทนราษฎร ภายใน 4 เดือน นับตั้งแต่วันแถลงนโยบายรัฐบาล ต่อรัฐสภา ซึ่งคาดว่าจะยุบสภาฯ ภายในเดือนมกราคม 2569 เพื่อให้ประชาชนได้ใช้สิทธิเลือกตั้ง ภายในเดือนมีนาคม 2569 หรืออย่างช้าต้นเดือนเมษายน 2569 ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งจะได้กำหนดต่อไป