ผบ.ตร. วางแนวทางรับแจ้งความกรณีถูกระงับบัญชี ให้แจ้งความพร้อมยืนยัน 5 ข้อมูล ได้ที่โรงพักทั่วประเทศ พร้อมเพิ่มสายด่วน 1599

121

เมื่อวันที่ 16 ก.ย. 68 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระงับธุรกรรมทางการเงินที่เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา โดยมีผู้บัญชาการหรือผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ได้แก่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ( บช.น. ), ตำรวจภูธรภาค 1-9 ( ภ.1-9 ), กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.), กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.), สำนักงานกฎหมายและคดี, ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร./PCT), โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1-9 (ผบก.น.1-9), ผู้บังคับการตำรวจภูธรทุกจังหวัด (ผบก.ภ.จว.), ผู้บังคับการกองสารนิเทศ ร่วมประชุม ณ ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) และทางระบบการประชุมทางไกล

ผบ.ตร.ได้วางแนวทางการบริหารรับแจ้งความเกี่ยวกับการถูกระงับการทำธุรกรรมทางการเงินชั่วคราว เพื่อเป็นแนวปฏิบัติเหมือนกันทั่วประเทศ โดยใช้ “ดิไอคอน โมเดล” เป็นแนวทางการปฏิบัติ

กำชับให้ทุกสถานีตำรวจทั่วประเทศต้องรับแจ้งความผู้เสียหายทุกราย
ผู้เสียหายต้องสามารถยืนยันข้อมูลตัวตน 5 ข้อให้ถูกต้อง ได้แก่
1. ชื่อ-นามสกุล
2. หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน
3. หมายเลขโทรศัพท์
4. หมายเลขบัญชีธนาคาร
5. ชื่อธนาคาร
ทั้งนี้เพื่อป้องกันมิจฉาชีพการแอบอ้างตัวตนเป็นผู้บริสุทธิ์

หากพบว่าเป็นประชาชนผู้บริสุทธิ์ ให้แอดมินของแต่ละสถานีตำรวจรวบรวมข้อมูลส่งให้ศูนย์ PCT ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จากนั้นศูนย์ PCT จะรวบรวมข้อมูลส่งให้ศูนย์ AOC พิสูจน์ทราบเพื่อดำเนินการปลดล็อกโดยเร็ว แต่หากพบว่าเป็นบัญชีที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดจริง ก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป

ทั้งนี้ นอกจากประชาชนผู้ได้รับความเสียหายจากการถูกระงับการทำธุรกรรมทางการเงินชั่วคราว จะสามารถแจ้งเพื่อปลดล็อกทางสายด่วนศูนย์ AOC 1441 และทางสถานีตำรวจทั่วประเทศแล้ว สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังได้เปิดสายด่วน 1599 ในการช่วยเสริมการปฏิบัติให้กับศูนย์ AOC ในการรับแจ้งความอีกช่องทางหนึ่ง

นอกจากนี้ ผบ.ตร. มอบหมายให้จเรตำรวจแห่งชาติ/ผู้อำนวยการ ศปอส.ตร. ประสานกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และธนาคารแห่งประเทศไทย ในการดำเนินการแก้ไขปัญหาและบูรณาการการทำงานร่วมกัน พร้อมกำชับให้ ผบช.น., ผบช.ภ.1-9, ผบก.น.1-9/ภ.จว.กำกับดูแล ประชุมชี้แจงเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด ให้เข้าใจขั้นตอน กระบวนการต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด และสื่อสารให้ผู้เสียหายเข้าใจ ห้ามมิให้ปฏิเสธการรับแจ้งหรือไม่ดำเนินการใด ๆ และห้ามเรียกรับผลประโยชน์อื่นใดจากผู้เสียหายทุกกรณี หากพบข้อบกพร่องให้หน่วยพิจารณาอย่างเด็ดขาดต่อไป