14 ก.ค. 68 – นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ตอบกระทู้สดในที่ประชุมวุฒิสภา โดยมีนายปริญญา วงษ์เชิดขวัญ สมาชิกวุฒิสภา เป็นผู้ตั้งถามเกี่ยวกับประเด็น “วิกฤตศรัทธาในพุทธศาสนา พระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่มั่วสีกาทำลายศรัทธาของชาวไทยพุทธ” ระบุว่า
การที่เกิดวิกฤตศรัทธา มันเกิดจากพระสงฆ์เป็นส่วนที่ตัวบุคคลตัวพระ โดยได้ให้นโยบายกับสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติว่าจะต้องทำงานเชิงรุก เนื่องจากวัดต่างๆ ที่อยู่ตามชนบทและในเมือง ประชาชนต่างรู้ว่าพระมีการเสพเมถุนหรือมั่วสุมยา แต่สำนักพุทธฯ กลับไม่รู้ หลังจากนี้จึงต้องทำงานเชิงรุกในการหาข่าวจากเจ้าหน้าที่ ชาวบ้านในพื้นที่
การควบคุมพระสงฆ์เป็นเรื่องของมหาเถรสมาคม ซึ่งสำนักพุทธฯ เป็นเพียงแค่เลขาฯ ในการรับนโยบายและข้อกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ ประกาศเป็นกฎกระทรวง หรือข้อปฏิบัติ ในการบังคับใช้กับพระสงฆ์ทั่วประเทศ
ส่วนการดำเนินคดีกับพระที่ประพฤติปฏิบัติไม่ชอบตามพระธรรมวินัย หรือที่เรียกว่า “สมี” ต้องบอกตามตรงว่าปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายใด ที่กำหนดให้เอาผิดพระที่เสพเมถุน หรือแม้แต่สีกาที่ไปเสพเมถุนกับพระก็ยังไม่มีกฎหมายเอาผิด ดังนั้นจึงต้องรีบร่างกฎหมายคณะสงฆ์โดยด่วน เพื่อเพิ่มโทษให้พระสงฆ์ที่ไปเสพเมถุน หรือผิดพระธรรมวินัย ต้องได้รับโทษถึงจำคุก ทั้งจำทั้งปรับ ถ้าปรับอยู่ในหลักหมื่นถึงหลักแสนกว่า รวมถึงสีกาด้วย
จะรีบออกกฎหมาย ซึ่งขณะนี้มีการร่างกฎหมายแล้ว คาดว่าภายใน 3-4 เดือนนี้จะมีการแก้กฎหมาย อาจจะรวมถึงการเรี่ยไร การบริจาค โดยเฉพาะการบริจาคการเงินของวัด ขณะนี้มหาเถรสมาคมได้ออกเป็นระเบียบกฎกระทรวงแล้ว ซึ่งจะเริ่มบังคับใช้ 1 ต.ค.นี้ ตั้งแต่นี้ต่อไปทุกวัดที่มีเงินบริจาค จะต้องนำเงินบริจาคเข้าสู่บัญชีธนาคารในพื้นที่ที่วัดตั้งอยู่ โดยเฉพาะวัดห้ามถือเงินสดเกิน 100,000 บาท เงินที่เหลือต้องนำเข้าบัญชีทั้งหมด นอกจากนั้นทุกเดือนทุกวัดต้องทำบัญชีรายรับรายจ่ายให้กับสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ครบปีก็สรุปอีกที ดังนั้นเราจะควบคุมการใช้เงินรายรับรายจ่ายของวัดอย่างใกล้ชิด เชื่อว่าจะแก้ไขได้ส่วนหนึ่ง เนื่องจากต้นเหตุวิกฤตศรัทธาหรือการประพฤติปฏิบัติที่ไม่ชอบของพระสงฆ์เกิดจากทรัพย์สินทั้งนั้น