9 มิ.ย. 68 – สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงานภาวะสังคมไทยไตรมาสหนึ่ง ปี 2568 สถานการณ์แรงงานไตรมาสหนึ่ง ปี 2568 ปรับตัวลดลง โดยภาคเกษตรกรรมมีการจ้างงานลดลงต่อเนื่อง ส่วนนอกภาคเกษตขยายตัวได้เล็กน้อย แต่ยังต้องให้ความสำคัญกับความอยู่รอดของ SMEs จากการขาดการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม เด็กจบใหม่ที่อาจเสี่ยงตกงาน รวมถึงการสร้างหลักประกันการถูกเลิกจ้างให้แก่แรงงาน ไตรมาสหนึ่ง ปี 2568 ผู้มีงานทำมีจำนวนทั้งสิ้น 39.4 ล้านคน ลดลงจากไตรมาสหนึ่งของปี 2567 ร้อยละ 0.5
สำหรับประเด็นที่ต้องเฝ้าระวังและให้ความสำคัญ ได้แก่
1) การประยุกต์ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อความอยู่รอดของธุรกิจ SMEs โดยรายงานของธนาคารโลก ระบุว่า ธุรกิจในไทยมีการใช้นวัตกรรมในกิจกรรมต่างๆ ในสัดส่วนที่น้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้าน กระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ และอาจเป็นสาเหตุให้ปิดกิจการ จึงควรมีการส่งเสริมให้ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อเพิ่มโอกาสในการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้
2) การสร้างหลักประกันกรณีถูกเลิกจ้างให้แก่แรงงาน โดยพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 กำหนดให้นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยตามอายุงานให้แก่ลูกจ้างเมื่อมีการเลิกจ้างโดยที่ลูกจ้างไม่ได้กระทำความผิด แต่ที่ผ่านมามีลูกจ้างไม่ได้รับการจ่ายค่าชดเชยเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะสถานประกอบการจากต่างประเทศ จึงควรมีการศึกษาและกำหนดมาตรการที่ชัดเจนเพื่อให้ลูกจ้างได้รับการชดเชยอย่างที่ควรจะเป็น
3) เด็กจบใหม่อาจเสี่ยงต่อการตกงาน ซึ่งผลสำรวจ พบว่า ผู้บริหารกว่าร้อยละ 89 มีแนวโน้มที่จะเลี่ยง การจ้างงานบัณฑิตจบใหม่ เพราะมองว่าขาดประสบการณ์ ทักษะ และมีมารยาททางธุรกิจที่ไม่ดีนัก และเลือกที่จะหันไปจ้างฟรีแลนซ์/พนักงานที่เกษียณไปแล้วทดแทน หรือปล่อยให้ตำแหน่งว่าง ดังนั้น เด็กจบใหม่จึงควรเตรียมความพร้อมของตนเอง ทั้งด้านทักษะและทัศนคติ ขณะที่ภาคการศึกษาต้องเร่งปรับรูปแบบการเรียนการสอน