29 พ.ค. 68 – นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานประกันสังคม ได้ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ และผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์วาตภัยและอุทกภัย โดยออกประกาศราชกิจจานุเบกษา ประกาศกระทรวงแรงงาน ในพื้นที่ 55 จังหวัด โดยได้รับการลดหย่อนอัตราเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมประจำงวดเดือนตุลาคม พ.ศ. 2567 ถึงงวดเดือนมีนาคม พ.ศ. 2568 รวมถึงได้ออกประกาศราชกิจจานุเบกษา ประกาศกระทรวงแรงงาน ในพื้นที่ 3 จังหวัด โดยได้รับการลดหย่อนอัตราเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมประจำงวดเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2567 ถึงงวดเดือนเมษายน พ.ศ. 2568 ด้วยการปรับลดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคมในส่วนของนายจ้างและผู้ประกันตนตามมาตรา 33 จาก 5% เหลือ 3% ขณะที่ผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ปรับลดเงินสมทบจาก 432 บาท เหลือ 283 บาท
นางมารศรี กล่าวต่อว่า สำหรับนายจ้างและผู้ประกันตนที่ได้ยื่นแบบคำขอรับเงินคืน จะได้รับเงินคืนตามจำนวนที่นำส่งเงินสมทบเกินในแต่ละงวดเดือน โดยเริ่มมีการทยอยโอนเงินส่วนต่างที่จ่ายเกินตั้งแต่เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2568 เป็นต้นไป เฉพาะในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว
ทั้งนี้ ระยะเวลาในการได้รับเงินคืนขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่นายจ้างยื่นเรื่อง โดยผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ที่จ่ายเงินสมทบเกิน จะได้จำนวนเงินที่ได้คืนสูงสุด 900 บาทต่อคน (นำส่งเกินเดือนละ 300 บาท ระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม ถึงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2567) โดยจำนวนเงินที่ได้รับคืนจะขึ้นอยู่กับฐานเงินเดือนและเงินสมทบที่นำส่งเกินในช่วงระยะเวลาดังกล่าว ในส่วนของผู้ประกันตนตามมาตรา 39 จะได้รับเงินที่นำส่งเกินเดือนละ 149 บาท (คำนวณจาก เดิมเดือนละ 432 บาท และได้รับการลดหย่อนอัตราเงินสมทบเป็นเดือนละ 283 บาท) ขณะนี้ทางสำนักงานประกันสังคมกำลังเร่งดำเนินการบันทึกข้อมูลการขอรับเงินคืนของนายจ้างและผู้ประกันตนในส่วนที่ได้มีการยื่นคำขอรับเงินคืนไว้แล้วเข้าในระบบและอนุมัติสั่งจ่าย เพื่อให้นายจ้างและผู้ประกันตนได้รับเงินคืนโดยเร็ว
ทั้งนี้ หากนายจ้างและผู้ประกันตนที่อยู่ในพื้นที่ 58 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว และยังไม่ได้ยื่นรับเงินคืนสามารถดาวน์โหลดแบบคำขอรับเงินคืนได้ที่ www.sso.go.th และสามารถขอรับเงินคืนได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ ทั้ง 12 แห่ง สำนักงานประกันสังคมจังหวัด/สาขาที่ท่านสะดวก ภายใน 1 ปี หลังจากวันที่นำส่งเงินสมทบ
พื้นที่ 55 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งได้แก่
กระบี่, กาญจนบุรี, กาฬสินธุ์, กำแพงเพชร, ขอนแก่น, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ชัยนาท, ชัยภูมิ, ชุมพร, เชียงราย, เชียงใหม่, ตรัง, ตาก, นครนายก, นครปฐม, นครพนม, นครราชสีมา, นครศรีธรรมราช, นครสวรรค์, น่าน, บึงกาฬ, ปราจีนบุรี, พระนครศรีอยุธยา, พะเยา, พังงา, พิจิตร, พิษณุโลก, เพชรบูรณ์, แพร่, ภูเก็ต, มหาสารคาม, มุกดาหาร, แม่ฮ่องสอน, ยโสธร, ยะลา, ร้อยเอ็ด, ระยอง, ลำปาง, ลำพูน, เลย, สงขลา, สตูล, สมุทรสาคร, สระบุรี, สิงห์บุรี, สุโขทัย, สุราษฎร์ธานี, สุรินทร์, หนองคาย, หนองบัวลำภู, อ่างทอง, อุดรธานี, อุตรดิตถ์ และ อุทัยธานี