ลัทธิเอกภาคีมีแต่ทางตัน ความร่วมมือที่ได้ประโยชน์ร่วมกันเท่านั้นคือทางออก
สหรัฐฯ ประกาศเก็บ “ภาษีตอบโต้แบบเท่าเทียม” ต่อประเทศคู่ค้า จุดชนวนสงครามการค้าทั่วโลก ก่อให้เกิดแรงกระแทกรุนแรงต่อเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ และถูกต่อต้านจากนานาประเทศอย่างกว้างขวาง จีนจึงได้ดำเนินมาตรการตอบโต้ที่แรง เด็ดขาดและจำเป็น ผมขอใช้โอกาสนี้แลกเปลี่ยนและแบ่งปันมุมมองกับผู้อ่านทุกท่าน
“ภาษีตอบโต้แบบเท่าเทียม” ขัดต่อหลักพื้นฐานทางเศรษฐศาสตร์และหลักการตลาด ประเทศต่าง ๆ แลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างกันตามข้อได้เปรียบของตนเพื่อสร้างคุณค่า และตอบสนองความต้องการซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นพื้นฐานทั่วไปของการพัฒนาเศรษฐกิจโลก สหรัฐฯ เองได้บริโภคสินค้าที่มีคุณภาพดีในราคาที่ถูกจากทั่วโลก ขณะเดียวกันก็ได้กำไรมหาศาลและยกระดับอุตสาหกรรมจากภาคการเงิน และภาคเทคโนโลยีที่มีมูลค่าเพิ่มสูง อีกทั้งยังสร้างโอกาสทางธุรกิจและการจ้างงานผ่านการค้าและการลงทุน สหรัฐฯ จึงเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากการค้าทั่วโลก นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบลอย่าง พอล ครูกแมน และอดีตรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ลอว์เรนซ์ ซัมเมอร์ส ต่างออกมาชี้ว่า สาเหตุของการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ มาจากการขาดดุลงบประมาณที่สูงและการขาดความสมดุลทางการคลัง ไม่ใช่เพราะ “การค้าที่ไม่เป็นธรรม” กับต่างประเทศ การเก็บ “ภาษีตอบโต้แบบเท่าเทียม” จากตัวเลขการขาดดุลการค้ากับประเทศอื่นจึงไร้เหตุผลและไม่มีตรรกะใด ๆ
ลัทธิเอกภาคี ลัทธิปกป้องการค้า และพฤติกรรมข่มเหงผู้อื่นไม่ได้รับการยอมรับจากประชาคมโลก โลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจและการค้าเสรีคือเครื่องยนต์ของการพัฒนาโลกและเป็นรากฐานของความมั่งคั่งของโลก การผลักดันแนวคิด “อเมริกาต้องมาก่อน” (America First) หรือ “คติข้อยกเว้นอเมริกัน” (American exceptionalism) เป็นการทำให้ผลประโยชน์ของประเทศเดียวอยู่เหนือผลประโยชน์ของประชาคมโลก การใช้ภาษีเป็นอาวุธในการกดดันประเทศอื่นและหาประโยชน์ส่วนตน แท้จริงคือการสลัดทิ้งผลประโยชน์อันชอบธรรมของประเทศอื่น เพื่อสนองอำนาจของสหรัฐฯ “ภาษีตอบโต้แบบเท่าเทียม” ได้ทำลายความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทานโลกอย่างรุนแรง เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลกอย่างมาก และถูกต่อต้านจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก แม้แต่พันธมิตรเก่าแก่ของสหรัฐฯ อย่างอังกฤษและออสเตรเลียยังระบุว่า “สงครามการค้าไม่เป็นประโยชน์แก่ฝ่ายใด” และวิจารณ์ว่านโยบายนี้ของสหรัฐฯ “ไม่มีพื้นฐานด้านตรรกะ” และ “ไม่ใช่พฤติกรรมที่มิตรสหายจะปฏิบัติต่อกัน”
การใช้ “ภาษีตอบโต้แบบเท่าเทียม” ไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายแก่ผู้อื่น ยังย้อนกลับมาทำร้ายสหรัฐฯเอง เมื่อวันที่ 2 และ 8 เมษายน ตลาดหุ้นสหรัฐผันผวนอย่างหนัก ดัชนีหลักทั้งสามตัวร่วงลงพร้อมๆกัน โดยลดสูงสุดถึง 13.26% มูลค่าตลาดหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐหายไปต่อหน้าต่อตา ฟิวเจอร์ส (Futures) หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของถั่วเหลืองและฝ้ายของสหรัฐร่วงลงอย่างมาก อาจนำไปสู่การล้มละลายและการว่างงานของแรงงานระดับล่างจำนวนมาก ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตของประชาชนเพิ่มสูงขึ้น “ภาษีตอบโต้แบบเท่าเทียม” จึงย้อนกลับมาทำร้ายตนเอง โมเดล KITE จากสถาบันวิจัยเศรษฐกิจโลกแห่งเมืองคีล ประเทศเยอรมนี ได้จำลองผลกระทบพบว่า ภาษีแบบนี้อาจทำให้ผลผลิตทางเศรษฐกิจของสหรัฐลดลงเกือบ 1.7% ภายในหนึ่งปี และราคาสินค้าจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 7% เศรษฐกิจสหรัฐกำลังเผชิญความเสี่ยงที่ใหญ่หลวงจากภาวะเงินเฟ้อควบคู่กับเศรษฐกิจที่ชะลอตัว นักเศรษฐศาสตร์อย่าง พอล ครูว์กแมน และอื่น ๆ ต่างวิจารณ์ว่า “ภาษีตอบโต้แบบเท่าเทียม” เป็นนโยบายที่มีต้นทุนสูงที่สุดและทำร้ายตัวเองมากที่สุดในรอบหลายสิบปีของสหรัฐ นโยบายนี้ขาดการวิเคราะห์อย่างรอบคอบ เริ่มต้นจากความเข้าใจผิดและจะจบลงด้วยความล้มเหลว
มาตรการตอบโต้ของจีนเป็นเรื่องที่ชอบธรรมและถูกต้องโดยสมบูรณ์ จีนยืนหยัดคัดค้านสงครามภาษีและสงครามการค้าในทุกรูปแบบ นี่คือการปกป้องผลประโยชน์แห่งชาติและศักดิ์ศรีของประเทศ รวมถึงเป็นการปกป้องระเบียบการค้าโลกและความยุติธรรมของเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สงครามภาษีนี้ริเริ่มโดยสหรัฐฯ ข้อกล่าวหาของสหรัฐฯที่มีต่อจีนนั้นปราศจากข้อเท็จจริง มาตรการตอบโต้ของจีนจึงมีความจำเป็นและชอบธรรม สหรัฐฯได้ประกาศขึ้น “ภาษีตอบโต้แบบเท่าเทียม” กับจีนถึง 3 ครั้งภายในระยะเวลาเพียงสองสัปดาห์ ปัจจุบันสินค้าบางรายการที่จีนส่งออกไปยังสหรัฐฯ มีภาษีรูปแบบต่าง ๆ รวมแล้วสูงสุดถึง 245% แม้แต่สื่อชั้นนำของตะวันตกอย่าง Bloomberg, Wall Street Journal และ Reuters ยังรายงานว่า การที่สหรัฐเก็บภาษีสินค้าจากจีนสูงเช่นนี้ ทำให้จีนไม่มีเหตุผลที่จะต้องอดทนอีกต่อไป
จุดยืนของจีนชัดเจนและแน่วแน่ นั่นคือการต่อต้านลัทธิอำนาจนิยมและพฤติกรรมก้าวร้าวของสหรัฐฯ อย่างเต็มที่ การแก้ปัญหาและลดความขัดแย้งควรใช้วิธีเจรจาอย่างเท่าเทียมและความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน การกดดันขั้นสูงสุดหรือใช้มาตรการภาษีตอบโต้แบบเท่าเทียมล้วนส่งผลย้อนกลับ คือจะทำร้ายทั้งตนเองและผู้อื่น เศรษฐกิจของจีนและสหรัฐฯรวมกันมีขนาดมากกว่าหนึ่งในสามของเศรษฐกิจโลก ประชากรรวมกันเกือบหนึ่งในสี่ของโลก และการค้าระหว่างกันคิดเป็นประมาณหนึ่งในห้าของการค้าโลก ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าที่แข็งแกร่ง มั่นคง และยั่งยืนระหว่างจีนกับสหรัฐ ย่อมเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศและต่อโลก จีนหวังว่าสหรัฐจะร่วมมือกับจีน เดินหน้าไปในทิศทางเดียวกัน และแก้ไขความขัดแย้งผ่านการเจรจาอย่างเท่าเทียมบนพื้นฐานของการเคารพซึ่งกันและกัน
จีนจะยังคงปกป้องระเบียบการค้าโลกอย่างเหนียวแน่น สนับสนุนระบบการค้าพหุภาคี และยึดมั่นในความเปิดกว้าง การมีส่วนร่วม และความร่วมมือที่ได้ประโยชน์ร่วมกัน นับตั้งแต่เข้าร่วมองค์การการค้าโลกในปี 2001 จีนได้ปฏิบัติตามแนวคิดการค้าเสรีอย่างแข็งขัน ปฏิบัติตามพันธกรณีอย่างครบถ้วน เคารพกฎระเบียบของ WTO อย่างเคร่งครัด และเปิดตลาดอย่างกว้างขวาง มีส่วนร่วมในการรักษาระบบการค้าพหุภาคีและส่งเสริมการค้าโลกอย่างจริงจัง ในไตรมาสแรกของปีนี้ GDP ของจีนเติบโต 5.4% ถือว่าอยู่ในระดับแนวหน้าของประเทศเศรษฐกิจหลักทั่วโลก การนำเข้าและส่งออกสินค้าแตะ 10.3 ล้านล้านหยวน สร้างสถิติใหม่สูงสุดในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา การค้ากับประเทศที่เข้าร่วม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” มีสัดส่วนมากกว่า 50% ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความยืดหยุ่นอันแข็งแกร่งของเศรษฐกิจจีน ภายใต้โลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน จีนกำลังผลักดันการพัฒนาที่มีคุณภาพสูงอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มการเปิดกว้างในระดับที่สูงขึ้น เพื่อสร้างเสถียรภาพ ความแน่นอน และขับเคลื่อนการเติบโตของโลก งานแสดงสินค้าและการลงทุนต่าง ๆ ที่จัดขึ้นในช่วงนี้ เช่น งานแสดงสินค้าบริโภคนานาชาติของจีน งานแสดงสินค้านำเข้าและส่งออก (งานกวางเจาแฟร์) และการประชุมการลงทุนระดับโลกของเขตการค้าเสรีไห่หนาน ล้วนแสดงให้เห็นถึงขนาดของตลาดที่มีขนาดใหญ่ ศักยภาพการบริโภคมหาศาล และสภาพแวดล้อมทางธุรกิจระดับแนวหน้า จีนจะเพิ่มการเปิดกว้างอย่างต่อเนื่อง ต้อนรับแขกจากทั่วทุกมุมโลก และมอบโอกาสการพัฒนาใหม่ ๆ แก่ทุกประเทศรวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน
จีนและไทยต่างเป็นประเทศกำลังพัฒนาในเอเชีย และเป็นเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดที่มีความสัมพันธ์อันดี ตลอด 50 ปีที่ผ่านมา ทั้งสองประเทศได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขเคียงข้างกันมาตลอด จีนยินดีที่จะร่วมมือและประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้านรวมถึงประเทศไทย โดยยึดถือค่านิยมแห่งเอเชียที่เน้นสันติภาพ ความร่วมมือ การเปิดกว้าง และการมีส่วนร่วม สนับสนุนลัทธิพหุภาคีที่แท้จริง ต่อต้านลัทธิเอกภาคีและลัทธิปกป้องทางการค้าในทุกรูปแบบ รวมทั้งพิทักษ์ระบบการค้าพหุภาคีที่มีองค์การการค้าโลกเป็นแกนหลัก ตลอดจนปกป้องสภาพแวดล้อมทางการค้าที่เสรีและเป็นธรรม ร่วมมือกันเดินบนเส้นทางแห่งความเปิดกว้าง ความร่วมมือ และการอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน ส่งเสริมการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันระหว่างจีน–ไทย และประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติให้ก้าวหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน