เมื่อวันที่ 8 ต.ค. 2568 ที่อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ กรุงเทพฯ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับธนาคารจิตอาสา และภาคีเครือข่ายสุขภาวะทางปัญญา จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวแคมเปญ “ทุกปัญหาดีขึ้นได้ด้วยการฟัง” ในวาระเดือนการฟังแห่งชาติ เดือนพฤศจิกายน (National Month of Listening) จัดขึ้นต่อเนื่องปีที่ 2 เพื่อกระตุ้นให้ทุกคนในสังคมมีทักษะการ “ฟังด้วยหู ดูด้วยใจ” หวังลดปัญหาความเหงา และสร้างให้เกิดความเข้าใจระหว่างกัน
นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า สสส. สานพลังภาคีเครือข่ายสุขภาวะทางปัญญา กำหนดให้เดือน พ.ย. ของทุกปี เป็น “เดือนการฟังแห่งชาติ” เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกของไทยในปี 2567 สอดคล้องกับหลายประเทศทั่วโลกที่กำหนดให้เดือน พ.ย. เป็นเดือนแห่งการสร้างวัฒนธรรมการฟัง มีกิจกรรมส่งเสริมการฟังเกิดขึ้นตลอดเดือน เพื่อกระตุ้นให้คนในสังคมได้เห็นถึงความสำคัญของการรับฟัง ซึ่งเป็นพื้นฐานในการสร้างความสัมพันธ์ของตนเองกับผู้อื่น มีพื้นที่รับฟังเกิดขึ้น 91 แห่งทั่วประเทศ ประชาชนเข้ารับบริการรับฟังกับจิตอาสา 2,298 คน เข้าถึงสื่อการเรียนรู้สร้างทักษะการฟัง 1.7 ล้านคน จากความสำเร็จที่เกิดขึ้น ในปี 2568 สสส. จึงเดินหน้าจัดทำแคมเปญในวาระเดือนการฟังแห่งชาติต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 กับแนวคิด “ทุกปัญหาดีขึ้นได้ด้วยการฟัง” และร่วมกับธนาคารจิตอาสา และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดทำผลสำรวจความเหงาสำหรับบริบทของสังคมไทย ในกลุ่มประชาชนอายุ 18-75 ปี ครั้งแรกของไทย
“ผลสำรวจฯ พบว่า คนไทยมีความเหงาสูงถึง 83% โดยแยกเป็นเหงามาก 18% และเหงาปานกลาง 65% สาเหตุจากการขาดกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์เชื่อมโยงทั้งทางจิตใจและสังคม กลุ่มที่เสี่ยงต่อความเหงามากที่สุด คือ คนที่พักอาศัยอยู่ตามลำพัง คนที่พักอาศัยในเขตเมือง และคนที่มีปัญหาสุขภาพ เมื่อวิเคราะห์ตามกลุ่มอาชีพ พบว่า พนักงานออฟฟิศมีความเหงาสูงที่สุด ที่น่าสนใจ ยังพบอีกว่า คนไทย 1 ใน 5 รู้สึกว่าปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) สามารถให้คำปรึกษาได้ดีกว่าคนในครอบครัว และเพื่อน อาจเป็นเพราะ AI สามารถรับฟังแบบไม่ตัดสิน และแสดงความเห็นอกเห็นใจได้ตรงใจกว่า ทั้งนี้ ความเหงาที่เกิดขึ้น เป็นสาเหตุที่นำไปสู่ปัญหาทางสุขภาพใจ เช่น โรคซึมเศร้า ภาวะวิตกกังวล และเครียดสะสม กระทบโดยตรงต่อสุขภาพ ใน ‘เดือนการฟังแห่งชาติ’ ครั้งนี้ สสส. ส่งเสริมให้ประชาชนมีศักยภาพและความสามารถในการบริหารจัดการความรู้สึกเหงา ผ่านการเรียนรู้ทักษะการฟังด้วยตัวเอง รวมถึงสนับสนุนให้ทุกองค์กร ร่วมสร้างพื้นที่การรับฟังเชื่อมความสัมพันธ์คนในสังคม พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนให้เกิดสังคมสุขภาวะที่เกื้อกูลกัน” ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าว
ดร.สรยุทธ รัตนพจนารถ ผู้อำนวยการร่วมธนาคารจิตอาสา กล่าวว่า ตลอดทั้งเดือน พ.ย. จะมีกิจกรรมสร้างทักษะการรับฟัง ให้พร้อมรับมือกับความรู้สึกเหงา เข้าถึงความสุขที่เกิดจากการเชื่อมโยงกับตนเอง โลก และธรรมชาติ ซึ่งก็คือ เข้าถึงสุขภาวะทางปัญญา (spiritual health) การฟังเป็นจุดเริ่มต้นง่ายๆ ที่ทุกคนทำได้เพื่อเข้าสู่ความสุข เป็นพื้นฐานให้ได้รู้จักตัวเองซึ่งนำไปสู่ความสามารถในการดูแลผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นการให้คำปรึกษา (consult) การเป็นพี่เลี้ยง (mentor) หรือแม้แต่การเป็นเพื่อนร่วมรับฟังทุกข์สุข โดยกิจกรรมมี 2 รูปแบบ 1. กิจกรรมสร้างทักษะและการรับฟัง สำหรับประชาชนทั่วไป โดยเข้าไปที่เว็บไซต์เดือนการฟังแห่งชาติ https://Listen.HappinessisThailand.com เริ่มทำแบบทดสอบเพื่อสังเกตพฤติกรรมการรับฟังของตัวเองว่าเป็นแบบไหน และประเมินศักยภาพทักษะที่ต้องเรียนรู้ ซึ่งเว็บไซต์ได้จัดเตรียมเนื้อหารูปแบบ e-Learning, เกมฝึกฟัง “Listenian Game” และ “e-book ฟังสร้างสุข” สำหรับเพิ่มทักษะการฟังและการฝึกฟังในรูปแบบการมีส่วนร่วมผ่านประสบการณ์จริง (interactive) และชวนให้ไปฟังเพื่อช่วยเหลือคนอื่น จากนั้นร่วมสะท้อนผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นผ่านการแสดงความคิดเห็นบนเว็บไซต์
2. กิจกรรมสร้างพื้นที่รับฟังของแต่ละองค์กร ธนาคารจิตอาสา ร่วมกับ สสส. พัฒนานวัตกรรมการ์ดฟังสร้างสุข (Listenian Card) เป็นเครื่องมือเพิ่มทักษะการฟังเบื้องต้น การรู้เท่าทันความคิด ไปจนถึงการใส่ใจความรู้สึก ส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และชุมชน นำนวัตกรรม Listenian Card ไปใช้ในการพัฒนากิจกรรมสร้างพื้นที่แห่งการรับฟัง ให้เหมาะสมกับวัฒนธรรมขององค์กร รวมถึงใช้ในการสำรวจความสัมพันธ์ของคนในองค์กรที่ต้องเริ่มต้นด้วยการรับฟังซึ่งกันและกัน โดยคาดว่าจะมีองค์กรร่วมสร้างพื้นที่เรียนรู้การฟังไม่น้อยกว่า 100 แห่ง ตลอดเดือนพฤศจิกายน ทั้งนี้ สำหรับประชาชนและองค์กรที่ต้องการใช้นวัตกรรมการ์ดฟังสร้างสุข สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘ความสุขประเทศไทย’” ดร.สรยุทธ กล่าว
นางสาวมณฑล กสานติกุล หรือมิ้นท์ อินฟลูเอนเซอร์จากช่องยูทูบ ‘I Roam Alone’ กล่าวว่า ความเหงาเกิดจากการที่เราปิดกั้นตัวเอง และตัดขาดจากโลกภายนอก แต่หากมองจากภาพความเป็นจริงจะพบว่า เราไม่ได้อยู่คนเดียวตามลำพัง เรายังแบ่งอากาศร่วมหายใจกับทุกคน ร่างกายเรายังเชื่อมโยงกับทุกอย่างบนโลกใบนี้ ถ้าเมื่อไหร่ที่ตัวเราเองเริ่มมีความรู้สึกไม่ต้องการพบเจอใคร ต้องการเก็บตัวอยู่กับตัวเองเพียงคนเดียว อยากให้ทุกคนสังเกตอารมณ์และบริหารจัดการความคิดของตัวเอง ไม่ปล่อยให้ความเหงาส่งผลกระทบต่อสุขภาพใจ ถ้าทุกคนมองเห็นตัวเองเชื่อมโยงกับทุกสิ่งรอบตัว ความเหงาจะอยู่แค่ในความคิดแต่จะไม่สามารถออกมาทำร้ายตัวเราได้ ทั้งนี้ ในโอกาสเดือนการฟังแห่งชาติ อยากขอเชิญชวนทุกคนมาร่วมสร้างทักษะการฟังด้วยกัน เชื่อมั่นว่าทุกปัญหาสามารถดีขึ้นได้ด้วยการรับฟัง