สองฝรั่งนักท่องเที่ยวกลัวด่านจราจรเชียงใหม่ แวะขโมยหมวกบุรุษไปรษณีย์ไปใส่ หัวหน้าเข้าแจ้งความแล้ว เตือนอย่าหาทำ เข้าข่ายลักทรัพย์สินของราชการ

134

สองฝรั่งนักท่องเที่ยวกลัวด่านจราจรเชียงใหม่ แวะขโมยหมวกบุรุษไปรษณีย์ไปใส่ หัวหน้าเข้าแจ้งความแล้ว เตือนอย่าหาทำ เข้าข่ายลักทรัพย์สินของราชการ

กล้องวงจรปิดที่ทำการไปรษณีย์แม่ปิง ต.ช้างม่อย อ.เมืองเชียงใหม่ บันทึกภาพนักท่องเที่ยวชายหญิงชาวต่างชาติก่อเหตุขโมยหมวกกันน็อคของเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ โดยนักท่องเที่ยวทั้งสองขี่จักรยานยนต์สีแดง ไม่ทราบเลขทะเบียน เข้าไปจอดหน้าบ้านพักภายในพื้นที่สำนักงานไปรษณีย์ ก่อนที่นักท่องเที่ยวชายจะจอดรถเดินเข้าไปใต้ถุนบ้านพัก หยิบหมวกกันน็อคสีแดงที่วางไว้กับรถมอเตอร์ไซค์จำนวนสองใบ เอาไปสวมใส่และขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 11.20 น. วานนี้ ( 2 ตุลาคม ) ซึ่งคลิปนี้เป็นหลักฐานที่นายไกรศรี ทองวิลาศ อายุ 47 ปี หัวหน้าที่ทำการไปรษณีย์แม่ปิง ใช้เป็นหลักฐานเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.เกริกชัย กิตติ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ เมื่อช่วงค่ำวันเดียวกัน

blank

ขณะที่ต่อมา ทางผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมีนายไกรศรีพาไปชี้จุดใต้ถุนบ้านพักที่เกิดเหตุ ซึ่งบริเวณใต้ถุนใช้เป็นที่จอดรถของพนักงาน แต่ละคันจะมีหมวกกันน็อคสีแดงวางไว้ โดยนายไกรศรี เปิดเผยว่า เย็นวานนี้พนักงานบางส่วนเลิกงานจะกลับบ้าน เมื่อไปที่รถก็พบว่าหมวกกันน็อคสีแดงที่มีตราสัญญลักษณ์ของไปรษณีย์ไทยที่วางไว้กับรถหายไปสองใบ จึงไปตรวจดูภาพจากกล้องวงจรปิดก็ทำให้พบว่าถูกนักท่องเที่ยวต่างชาติมาขโมยไป

blank

ส่วนสาเหตุคาดว่านักท่องเที่ยวทั้งสองจะกลัวถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรที่ตั้งด่านกวดขันวินัยจราจรอยู่สุดถนนเลยจากสำนักงานไปรษณีไปประมาณ 200 เมตร บริเวณเชิงสะพานนวรัฐและหน้าวัดอุปคุต ซึ่งเจ้าหน้าที่จะออกใบสั่งปรับเงินทุกคนที่ไม่สวมหมวกกันน็อค นักท่องเที่ยวต่างชาติก็ไม่เว้น จึงพากันแวะหยิบหมวกกันน็อคใส่ผ่านด่านไป

blank

นายไกรศรีบอกว่ามูลค่าของหมวกกันน็อคสองใบอาจไม่มาก แต่เนื่องจากเป็นทรัพย์สินของทางราชการ โดยหมวกนี้จะใช้สวมใส่เฉพาะในช่วงเวลาปฏิบัติงานออกไปพบลูกค้าและนำจ่ายไปรษณีย์เท่านั้น และ ยังเกิดเหตุในสถานที่ราชการจึงต้องแจ้งความเป็นหลักฐาน นอกจากนี้การแจ้งความยังเพื่อป้องปราม เพราะที่ผ่านมาเคยเกิดกรณีนำเสื้อของเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ไปใส่เพื่อก่อเหตุผิดกฏหมายมาแล้ว ทำให้เสื่อมเสียภาพลักษณ์ไปรษณีย์ไทย