ทำความรู้จัก “เศรษฐา ทวีสิน” จากเจ้าพ่ออสังหาฯ สู่ว่าที่นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 จากพรรคเพื่อไทย

1697

“เศรษฐา ทวีสิน” ชื่อเล่น “นิด” เกิดเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2505 ปัจจุบันอายุ 61 ปี เป็นนักธุรกิจและนักการเมืองชาวไทย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย หนึ่งในบุคคลที่ได้รับเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีไทยในปี พ.ศ. 2566 ของพรรคเพื่อไทย อดีตประธานอำนวยการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาแสนสิริขึ้นเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศไทย

ภายหลังเศรษฐาเข้าร่วมงานทางการเมืองในนามพรรคเพื่อไทยอย่างเต็มรูปแบบในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2566 เศรษฐาให้ความสำคัญกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนเป็นเป้าหมายหลัก เน้นย้ำเรื่องปากท้องของประชาชน ความเหลื่อมล้ำของสังคม และการให้ความสำคัญกับความเสมอภาค ความเท่าเทียม สิทธิเสรีภาพในการเลือก และมักประกาศว่าภารกิจสำคัญหากได้เป็นนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นอุปสรรคให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้อย่างยากลำบาก

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

ผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 ปรากฏว่าพรรคเพื่อไทยได้เป็นพรรคอันดับสองรองจากพรรคก้าวไกลสิทธิในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจึงอยู่กับพรรคก้าวไกล อย่างไรก็ตามในการโหวตนายกรัฐมนตรีที่เป็นแคนดิเดตจากพรรคก้าวไกล คือ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 ได้คะแนนเสียง 324 เสียงจากพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 8 พรรค ขาดอีก 52 เสียง ซึ่งไม่เป็นผลสำเร็จ และไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจาก สว. อย่างเพียงพอ พรรคก้าวไกลจึงมอบสิทธิ์ให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแทน ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีมติเสนอชื่อ เศรษฐา ทวีสิน เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย

ซึ่งล่าสุด เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 เวลา 16.46 น. ที่ประชุมรัฐสภา มีมติเห็นชอบเกิน 376 เสียง ส่ง “เศรษฐา ทวีสิน” เป็นว่านายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย (รอการโปรดเกล้าฯ อย่างเป็นทางการ)

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาก่อนที่เศรษฐาจะเข้าสู่สนามการเมือง เศรษฐาเป็นผู้สังเกตการณ์ที่เฉียบคมเกี่ยวกับวาระทางสังคมของประเทศ ตั้งแต่สมัยเป็นผู้บริหารแสนสิริ และได้มอบหมายแนวคิดในการสร้างกิจกรรมต่างๆ เพื่อเสริมสร้างรากฐานที่แข็งแรงทางด้านเศรษฐกิจและสังคมให้กับประเทศชาติในหลายๆ ด้าน เช่น การผลักดันการสร้างความเปลี่ยนแปลงทางสังคม การสนับสนุนความเท่าเทียมและความหลากหลาย รวมถึงโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเด็ก เยาวชน และกีฬา

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

การศึกษา ในระดับประถม เศรษฐาศึกษาที่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร จากนั้นไปศึกษาต่อที่สหรัฐในระดับไฮสกูล และจบการศึกษาระดับปริญญาตรีในสาขาเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐแมสสาชูเซ็ตส์ (University of Massachusetts) ปริญญาโทในสาขาบริหารธุรกิจด้านการเงินจาก บัณฑิตวิทยาลัยแคลมอนต์ (Claremont Graduate School) ของสหรัฐ

การเข้าสู่การเมือง เศรษฐาเปิดเผยว่าเขาไม่ได้มีความฝันที่จะก้าวเข้าสู่การเมืองมาก่อน แต่สิ่งที่เริ่มจุดประกายให้เขาสนใจการเมืองมากขึ้นคือนับตั้งแต่การรัฐประหาร 2 ครั้งที่ผ่านมา ซึ่งเศรษฐาเห็นว่าการยึดอำนาจเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องและรับไม่ได้ บวกกับปัญหาสังคม เศรษฐกิจ การเมืองที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในช่วง 8-9 ปีหลังมานี้ รวมถึงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่สะท้อนให้เห็นว่าและความเหลื่อมล้ำ ความไม่เสมอภาค ความไม่เท่าเทียมเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศไทย เศรษฐาเห็นว่ารัฐบาลปัจจุบันไม่สามารถทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความเสมอภาค มีความเท่าเทียม และมีสิทธิเสรีภาพในการเลือกได้ ตนจึงตัดสินใจเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของพรรคเพื่อไทยเพราะเชื่อว่าเพื่อไทยยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง

อาจเป็นรูปภาพของ 2 คน และ ข้อความพูดว่า "NATION"

เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2565 เศรษฐาสมัครเป็นสมาชิกครอบครัวเพื่อไทย และในเดือนมีนาคม 2566 นั่งตำแหน่งประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยให้กับแพทองธาร ชินวัตร ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2566 พรรคเพื่อไทยเสนอชื่อคุณเศรษฐาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพร้อมกับอีกสองท่าน ได้แก่ แพทองธาร ชินวัตร และชัยเกษม นิติสิริ

เศรษฐาพูดเสมอว่า “ผมไม่ได้อยากเป็นนายกรัฐมนตรีเพราะอยากมีตำแหน่งว่าเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย แต่ต้องการเป็นนายกรัฐมนตรีที่นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลง”

Milestone ในภาคธุรกิจ คุณเศรษฐาเริ่มงานในอาชีพแรกในตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการผลิตภัณฑ์ บริษัท พร็อกเตอร์ แอนด์ แกมเบิ้ล ประเทศไทย ก่อนเข้าร่วมงานกับแสนสิริ

พ.ศ.2533 เริ่มเข้าทำงานในบริษัท แสนสำราญ จำกัด

พ.ศ.2537 มีการเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นและเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็นบริษัท แสนสิริ จำกัด

พ.ศ.2538 ภายใต้การบริหารงานของตน นำบริษัทเข้าจดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัดและเพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 100 ล้านบาท

พ.ศ.2539 จัดตั้งบริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เพื่อดูแลงานบริหารจัดการโครงการ และนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ เพราะเล็งเห็นว่าการต่อยอดธุรกิจให้ครบวงจรเป็นจุดแข็งในการนำธุรกิจไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน

พ.ศ.2540 ประเทศไทยและบริษัทเผชิญวิกฤติต้มย้ำกุ้ง ซึ่งเป็นวิกฤติทางการเงินครั้งรุนแรงที่สุด สามารถดำเนินการบริหารจัดการแก้ไขชำระหนี้ และนำองค์กรผ่านพ้นมรสุมธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว

พ.ศ.2543 ทำการปรับโครงสร้างหนี้เสร็จสิ้นเป็นรายแรกๆ หลังจากวิกฤติปี 2540 และเริ่มขยายธุรกิจรุกการทำโครงการแนวราบ (บ้านเดี่ยว) โครงการแรกในทำเลวัชรพล

พ.ศ.2550 พัฒนาโครงการ บ้านแสนสิริ สุขุมวิท บ้านเดี่ยวใจกลางเมือง และได้รับการตอบรับอย่างดี จนได้รับรางวัล Asia’s Best Residential Project of The Year 2006

พ.ศ.2550 ด้วยเห็นว่าการส่งเสริมและสนับสนุนเด็กและเยาวชนเป็นสิ่งสำคัญ ได้ริเริ่มโครงการ แสนสิริ อะคาเดมี่ คลินิคสอนฟุตบอลเยาวชนทั่วไปโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ถึงปัจจุบันนี้มีเด็กกว่า 8 พันคนที่ผ่านการฝึกสอนของโครงการและหลายคนได้โอกาสเข้าเรียนและติดทีมชาติเยาวชน

พ.ศ.2553 ริเริ่มการจับมือเป็นพันธมิตรกับ UNICEF เพื่อสนับสนุนและต่อยอด ประเด็นสิทธิและสวัสดิภาพของเด็กและเยาวชน โดยเป็นองค์กรธุรกิจของไทยองค์กรแรกๆ ที่ได้รับเกียรติร่วมมือ โดยความร่วมมือดังกล่าว ได้ดำเนินเป็นระยะเวลา 10 ปี จนกระทั่งสิ้นสุดในปี พ.ศ.2563

พ.ศ.2555 นำพาองค์กรรุกธุรกิจที่อยู่อาศัยในต่างจังหวัดตามหัวเมืองสำคัญๆ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง (ภูเก็ต เชียงใหม่ หัวหิน ขอนแก่น พัทยา และเขาใหญ่)

พ.ศ.2556 ได้รับรางวัล Thailand Property Award สาขา Best Housing Development

พ.ศ.2557 เป็นตัวแทนภาคเอกชนรายเดียวของประเทศไทยเข้าร่วม UNICEF Innovation & Action Workshop Panel ที่กรุงนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา เพื่อเสวนาเรื่องของสิทธิและสวัสดิภาพเด็ก

พ.ศ.2559 เปิดตัวโครงการแฟล็กชิป 98 ไวร์เลส บนถนนวิทยุ ด้วยมูลค่าโครงการสูงถึง 8,500 ล้านบาท บนทำเลที่มีราคาที่ดินสูงที่สุด ณ ขณะนั้น (ได้รับรางวัล Asia Pacific Property Award ในปี พ.ศ.2561)

พ.ศ.2559 ได้รับรางวัล Global CSR Summit and Award (Silver Award for CSR and Leadership)

พ.ศ.2560 มองการณ์ไกล ขยายฐานธุรกิจด้วยการร่วมลงทุนกับบริษัทระดับโลก 6 ราย รวมถึง Standard International เช่น บริหารโรงแรมชื่อดังระดับโลก และเข้าดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ ของ Standard International

พ.ศ.2562 นำองค์กรรับรางวัลชนะเลิศ ด้านองค์กรนวัตกรรมดีเด่น ประเภทธุรกิจขนาดใหญ่ จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ

พ.ศ.2563 นำบริษัทลงนามในข้อตกลง United Nations Global Standards of Conduct for Business กับ UNDP ซึ่งเป็นบริษัทไทยแรกในไทย ที่ดำเนินการเรื่องนี้ เพื่อสนับสนุนและลดการแบ่งแยกความเหลื่อมล้ำ สำหรับกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ

พ.ศ.2564 ได้รับรางวัลองค์กรต้นแบบ ด้านสิทธิมนุษยชน (รางวัลชมเชย จากกรมคุ้มครองแรงงานและสวัสดิการสังคมกระทรวงยุติธรรม)

พ.ศ.2565 นำองค์กรประกาศจุดยืนเรื่องสิ่งแวดล้อมและกำหนดเป้าหมายการก้าวเข้าสู่ Net Zero เป็นรายแรกของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

พ.ศ.2565 ยุติการทำงานทั้งหมดในบริษัท แสนสิริ จำกัด มหาชน ในตำแหน่ง ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ รวมทั้งทุกตำแหน่งในฐานะกรรมการบริษัท และกรรมการชุดย่อยของบริษัท ได้แก่ ประธานกรรมการบริหาร รองประธานกรรมการลงทุน และกรรมการบรรษัทภิบาทลและความยั่งยืน โดยให้มีผลนับตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.2566 เป็นต้นไป

พ.ศ.2566 ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ที่ปรึกษาทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย หนึ่งในแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย

อาจเป็นรูปภาพของ 1 คน, ห้องข่าว และ ข้อความ

ที่มา : Wikipedia