กำแพงประตูสวนดอกแตกร้าว ชาวบ้านห่วงหวั่นถล่มซ้ำรอยประตูช้างเผือก ด้านสำนักศิลปากรเชียงใหม่ ลงสำรวจต่อเนื่อง พร้อมเตรียมแผนเข้าบูรณะแล้ว

212

กำแพงประตูสวนดอกแตกร้าว ชาวบ้านห่วงหวั่นถล่มซ้ำรอยประตูช้างเผือก ด้านสำนักศิลปากรเชียงใหม่ ลงสำรวจต่อเนื่อง พร้อมเตรียมแผนเข้าบูรณะแล้ว

วันที่ 18 พฤษภาคม 2566 ผู้ใช้รถที่ขับผ่านถนนบริเวณประตูสวนดอก .ศรีภูมิ .เมือง .เชียงใหม่ และประชาชนในย่านดังกล่าว แสดงความกังวลหลังสังเกตเห็นรอยร้าวบนประตูสวนดอกซึ่งเป็นกำแพงเมืองโบราณ โดยรอยร้าวเป็นแนวยาวกว่าสองเมตร เกรงว่าจะทรุดตัวหรือพังถล่มลงมา ซ้ำรอยประตูช้างเผือกที่เคยพังถล่มลงมาเมื่อเดือนกันยายน ปี 2565 ที่ผ่านมา บางคนเชื่อกลัวจะเกิด “ขึด” หรือ อาเพศบ้านอาเพศเมืองตามความเชื่อเก่าแก่ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบก่อนสายเกินแก้

blank

จากการเข้าตรวจสอบบริเวณกำแพงประตูสวนดอก พบจุดเกิดรอยร้าวอยู่ตรงประตูทางด้านทิศเหนือ ฝั่งคูเมืองด้านใน เป็นรอยแตกร้าวแนวตั้งจากบนถึงขอบด้านล่างยาวประมาณสองเมตร โดยรอยแตกร้าวห่างออกจากกันจนมองทะลุกำแพงได้ หากฝนตกหนักสะสมอาจทำให้ดินเนื้อในกำแพงอิ่มตัวและเคลื่อนตัวถล่มลงมาได้ เสียงอันตรายกับผู้ใช้รถเนื่องจากตัวกำแพงอยู่ชิดริมถนน

blank

สำหรับกำแพงเมืองเชียงใหม่ ประกอบไปด้วยประตูเมืองเก่าแก่ 5 ประตูล้อมรอบสี่ทิศของเขตเมืองเก่าชั้นใน สร้างในสมัยพระยามังรายสร้างเมืองเชียงใหม่เพื่อเป็นเมืองหลวงของดินแดนล้านนา ในปี พ.ศ.1839 หรือ 727 ปีก่อน โดย 5 ประตูเมือง ได้แก่ ประตูช้างเผือก ประตูท่าแพ ประตูเชียงใหม่ ประตูแสนปรุงหรือประตูสวนปรุง และ ประตูสวนดอก ทั้งหมดเป็นกำแพงเมืองชั้นใน มีการบูรณะในรัชสมัยของเจ้าหลวงธรรมลังกา เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 2 เมื่อ พ.ศ. 2361 และมีการบูรณะซ่อมแซมมาเป็นระยะ โดยประตูเมืองชั้นในเหล่านี้ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติ ในปี พ.ศ.2478

blank

ขณะที่ทางด้านนายเทิดศักดิ์ เย็นจุระ ผู้อำนวยการกลุ่มอนุรักษ์โบราณสถาน สำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ เปิดเผยว่า สำนักศิลปากรที่ 7 มีการสำรวจแนวกำแพงและประตูเมืองมาอย่างต่อเนื่อง โดยพบรอยแตกร้าวบริเวณประตูสวนดอกเมื่อปีก่อน โดยพบว่าเป็นรอยแตกดังกล่าวในขณะนี้ยังไม่เกิดอันตราย เนื่องจากมีแรงดันจากคันดินที่ช่วยพยุงไว้อยู่ ต่างกับประตูช้างเผือกที่พังเสียหายเนื่องจากไม่มีเนินดินช่วยพยุง แต่รอยแตกที่เกิดขึ้นกับประตูสวนดอก ในอนาคตอาจเป็นอันตรายได้หากเนินดินไม่สามารถพยุงไว้ได้อีก

blank

ส่วนเรื่องความกังวลของชาวเชียงใหม่ วานนี้ (17 พ.ค.66) ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ได้สั่งกำชับให้เร่งตรวจสอบและหาแนวทางแก้ไข โดยสำนักงานศิลปากรที่ 7 มีแผนที่จะเข้าบูรณะอยู่แล้ว หลังจากนี้จะเร่งประสานกับเทศบาลนครเชียงใหม่เพื่อบูรณาการทำงานในการเข้าเจาะเย็บและรัดดามเฝือกโดยเร็วที่สุด