(มีคลิป Video) อากาศร้อนจัด! เพลิงลุกไหม้ยุ้งฉางเก็บของเก่าบ้านพื้นที่ อ.ดอยสะเก็ด เจ้าหน้าที่เร่งสกัดไฟทัน หวิดลุกลามติดบ้าน
เมื่อเวลาประมาณ 15.30 น. วันที่ 15 มีนาคม 2566 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ดอยสะเก็ด พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ดับเพลิง เทศบาลดอยสะเก็ด และเทศบาลลวงเหนือ ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านภายในชุมชนพื้นที่ ม.8 ต.เชิงดอย อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ภายหลังทราบเรื่องจึงระดมทีมเจ้าหน้าที่พร้อมรถดับเพลิงเข้าจุดเกิดเหตุเพื่อเร่งช่วยเหลือ และระงับเพลิงที่กำลังลุกไหม้ โดยระหว่างทางพบกลุ่มควันไฟพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน
ขณะที่ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ทั้งหมดเดินทางถึงจุดเกิดเหตุพบว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านเลขที่ 80 ม.8 ต.เชิงดอย อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ โดยพบต้นเพลิงมาจากยุ้งฉากเก็บของเก่าลักษณะโครงสร้างเป็นไม้ 2 ชั้น ยกสูง ด้านล่างใต้ถุนถูกใช้เป็นพื้นที่เก็บของเก่า และพบเปลวเพลิงกลุ่มควันไฟลุกไหม้อย่างหนัก ทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องระดมรถฉีดน้ำ 5 คันเพื่อเร่งฉีดน้ำควบคุมเพลิงที่กำลังลุกไหม้ เนื่องจากเกรงว่าเพลิงจะลุกลาม และไปไหมบ้านที่อยู่ติดกัน จนกระทั่งใช้เวลาประมาณราวครึ่งชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ และไม่ลุกลามไปติดบ้านที่อยู่ใกล้เคียง
ทั้งนี้จากการตรวจสอบ ทราบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นของ นางทัศนา อายุประมาณ 63 ปี โดยอาศัยอยู่กันทั้งหมด 3 คน แต่ระหว่างเกิดเหตุไม่มีคนอยู่ในบ้านเพราะออกไปทำงานกันหมด ส่วนจุดที่เกิดเพลิงไหม้นั้น เดิมทีเป็นยุ้งฉางข้าว และต่อมาใช้เป็นที่เก็บของเก่า อาทิ วัสดุไม้ และกระดาษ รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ ข้าวของเครื่องใช้ แต่ไม่ได้มีการใช้กระแสไฟฟ้า เพราะมีการตัดไฟไปนานแล้ว และเตรียมที่จะรื้อถอน จนกระทั่งมาเกิดเหตุเพลิงไหม้เสียก่อน โดยขณะนั้นมีชาวบ้านที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงเห็นกลุ่มควันและเปลวเพลิงจึงโทรศัพท์แจ้งเจ้าของบ้าน และเจ้าหน้าที่ให้เข้ามาช่วยระงับเหตุ
อย่างไรก็ตามในส่วนของสาเหตุนั้นทางเจ้าของบ้านยังไม่ทราบว่าเกิดมาจากสาเหตุใด เพราะไม่มีการใช้กระแสไฟฟ้า ซึ่งอาจจะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง โดยสันนิษฐานเบื้องต้นว่า อาจจะเกิดจากสภาพอากาศร้อนจัด ประกอบกับบริเวณดังกล่าวมีการเก็บของและวัสดุและของใช้ที่เป็นวัตถุติดไฟง่าย จึงทำให้ไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว ส่วนค่าความเสียหายเบื้องต้นคาดว่าไม่ต่ำกว่า 5 แสนบาท เนื่องจากยุ้งฉางทั้งหลังทำจากไม้สัก ประกอบกับข้าวของที่เก็บไว้ โดยหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ก็จะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงของสาเหตุที่แน่ชัดต่อไป