4 ม.ค. 67 – ชุดลาดตระเวนออนไลน์ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พร้อมด้วยชุด PCT5 ได้รับการร้องเรียนจากพนักงานจัดส่งเดลิเวอรี่ให้ช่วยทำการสืบสวนติดตามจับกุมตัวคนร้ายซึ่งมีพฤติการณ์ใช้แอปพลิเคชั่นสั่งสินค้าผ่านระบบเดลิเวอรี่
โดยคนร้ายจะทำทีแจ้งข้อมูลพิกัดสถานที่จัดส่งและเบอร์โทรศัพท์ให้พนักงานทราบเพื่อจัดส่งและติดต่อ เมื่อพนักงานจัดส่งเดลิเวอรี่ใกล้จะเดินทางไปจัดส่งสินค้าตามคำสั่งซื้อ คนร้ายจะทำทีโทรศัพท์ติดต่อหาพนักงานส่งเดลิเวอรี่เพื่อหลอกให้พนักงานจัดส่ง เดลิเวอรี่เติมเงินทวอลเล็ต หรือบางครั้งก็ให้เติมเงินค่าโทรศัพท์มือถือให้เพิ่มเติม เมื่อพนักงานเดลิเวอรี่หลงเชื่อเติมเงินให้เรียบร้อย ก็ไม่สามารถติดต่อคนร้ายได้ เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย ที่ผ่านมามีพนักงานเดลิเวอรี่ถูกก่อเหตุมาแล้วทั่วประเทศกว่า 200 ราย มูลค่าความเสียหายกว่าสองล้านบาท
จากการสืบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบข้อมูลว่าหนึ่งในคนร้ายที่เป็นตัวการในการก่อเหตุ คือ น.ส.ภัณฑิลา หรือเบนซ์ โดยจากการตรวจสอบข้อมูลประวัติคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า ณ ปัจจุบัน น.ส.ภัณฑิลา มีหมายจับที่ต้องการต้องตัวเพื่อดำเนินคดี จำนวน 1 หมายจับ
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. จึงสั่งการให้ พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. กำชับให้ พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฏศรี , พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. เร่งรัดเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ร่วมกับชุด PCT5 รีบทำการสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมตัวคนร้ายรายดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็วเนื่องจากตามพฤติการณ์ที่คนร้ายก่อเหตุนั้น ถือว่าสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนผู้ทำมาหากินสุจริตเป็นอย่างมาก
ต่อมาวันที่ 3 มกราคม 2567 เวลาประมาณ 16.30 น. เจ้าหน้าที่สืบนครบาลและชุด PCT5 ได้จับกุม น.ส.ภัณฑิลา อายุ 26 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัด แม่ฮ่องสอน ที่ จ.44/2566 ลงวันที่ 28 สิงหาคม 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ , โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” จับกุมตัวได้ที่ บริเวณปากซอย แขวงวัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ
ในชั้นจับกุม น.ส.ภัณฑิลา ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่าตนเรียนจบ กศน. ระดับ ม.3 ปัจจุบันทำอาชีพวีเจออนไลน์ ผ่านแอปหนึ่ง เกี่ยวกับข้อกล่าวหาตามหมายจับตนขอยอมรับว่าตนกับแฟนชื่อ น.ส.สุพัตรา ร่วมกันก่อเหตุ โดย น.ส.สุพัตรา ทำหน้าที่เข้าแอปพลิเคชั่นเดลิเวอรี่เพื่อหลอกสั่งสินค้า ให้ข้อมูลพิกัดสถานที่จัดส่งซึ่งปักพิกัดหลอกไว้ พร้อมเบอร์โทรศัพท์สำหรับติดต่อ เมื่อคำนวนเวลาว่าพนักงานเดลิเวอรี่ใกล้ที่จะเดินทางมาถึง ตนจะโทรติดต่อหาพนักงานส่งเดลิเวอรี่ เพื่อหลอกให้พนักงานเดลิเวอรี่เติมเงินวอลเล็ต หรือบางครั้งก็ให้เติมเงินค่าโทรศัพท์มือถือให้เพิ่มเติม เมื่อได้รับเงินวอเล็ต หรือเงินค่าโทรศัพท์เสร็จเรียบร้อย ตนก็จะทำนิ่งเฉย ไม่รับสาย ถ้าโทรบ่อยตนก็จะบล็อกเบอร์ของพนักงานเดลิเวอรี่
เมื่อได้เงินวอเล็ตเข้ามาในบัญชีแล้วตนจะทำการโอนต่อไปยังบัญชีธนาคารตนเอง และแบ่งเงินให้แฟนที่ร่วมกันก่อเหตุคนละครึ่ง ส่วนกรณีเงินค่าโทรศัพท์ เมื่อหลอกพนักงานส่งเดลิเวอรี่ได้เรียบร้อย ส่วนหนึ่งตนจะเข้าไปที่กลุ่มเฟซบุ๊กแลกค่าโทรเป็นเงินสด ซึ่งในกลุ่มจะมีการรับแลกเงินในอัตราค่าโทรศัพท์ 500 บาท แลกกับเงินสดโอนเข้าบัญชีธนาคาร 300 บาท ซึ่งในหนึ่งวันจะสามารถแลกได้ 500 บาท ส่วนเงินค่าโทรศัพท์ที่เหลือนำไปเล่นพนันออนไลน์ ซึ่งเข้าเล่นและเติมเงินผ่านเว็บพนันออนไลน์ โดยจะหักเงินจากยอดเงินค่าโทรศัพท์ที่ได้มาจากการหลอกผู้เสียหาย
นอกจากนี้ ในส่วนของเบอร์โทรศัพท์ที่นำมาเปิดบัญชีวอเล็ต และเบอร์โทรสำหรับผูกบัญชีแอปพลิเคชั่นเดลิเวอรี่ตนเป็นผู้ว่าจ้างให้คนอื่นมาเปิดใช้งานให้โดยให้ค่าจ้างเปิดซิมพร้อมกับสแกนใบหน้าเพื่อสมัครวอเล็ต รายละ 500 บาท ต่อคน โดยใช้วิธีการหาคนมาเปิดเบอร์พร้อมบัญชีวอเล็ต หรือเบอร์โทรศัพท์สำหรับผูกบัญชีแอปพลิเคชั่นเดลิเวอรี่ จากการโพสต์เฟสบุ๊กหาคนเปิดในกลุ่ม “จ้างเปิดบัญชีวอเล็ต” ที่ผ่านมาก่อเหตุมาตั้งแต่ปี 2564 ร่วมกันก่อเหตุมาแล้วกว่า 200 ครั้ง
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวผู้ต้องหาตามหมายจับ นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปางมะผ้า ภ.จว.แม่ฮ่องสอน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ที่มา : สืบนครบาล IDMB