เชียงใหม่ วีซ่าทิพย์! ผู้เสียหายหอบหลักฐานร้องสื่อ ถูกบริษัทรับทำวีซ่าในเชียงใหม่ลวงอ้างทำเรื่องไปอเมริกาได้ หลอกให้รอหลายเดือน สุดท้ายเชิดเงินค่าจ้างปิดบริษัทหนีหายติดต่อไม่ได้ เสียเงินร่วมแสนบาท

677

เชียงใหม่ วีซ่าทิพย์! ผู้เสียหายหอบหลักฐานร้องสื่อ ถูกบริษัทรับทำวีซ่าในเชียงใหม่ลวงอ้างทำเรื่องไปอเมริกาได้ หลอกให้รอหลายเดือน สุดท้ายเชิดเงินค่าจ้างปิดบริษัทหนีหายติดต่อไม่ได้ เสียเงินร่วมแสนบาท

วันที่ 4 กันยายน 2566 นางฐิตาภรณ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี และ นายประพันธ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี นำเอกสารหลักฐานแจ้งความมาร้องเรียนกับทางผู้สื่อข่าว ภายหลังจากที่ทั้งคู่ตกเป็นเหยื่อถูกบริษัทรับทำวีซ่าแห่งหนึ่งในเมืองเชียงใหม่ แอบอ้างรับเงินค่าจ้าง โดยอ้างว่าสามารถดำเนินการเรื่องขอวีซ่าเพื่อเดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกาได้ และทั้งคู่ได้หลงเชื่อโอนเงินค่าจ้าง และค่าดำเนินการให้ แต่สุดท้ายผ่านไปหลายเดือน เรื่องเงียบและไม่ได้รับการติดต่อกับทางบริษัทแต่อย่างใด จนกระทั่งสุดท้ายไม่สามารถติดต่อได้ และเมื่อเดินทางไปที่บริษัทก็พบว่ามีการปิดตัวไปแล้ว แต่เงินที่เสียไปกลับไม่ได้คืน อีกทั้งจากการตรวจสอบ ยังพบว่ามีผู้เสียหายอีกร่วมนับสิบรายที่ตกเป็นเหยื่อในลักษณะเดียวกันนี้ โดยทั้งคู่ได้เข้าดำเนินการแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ แต่เรื่องยังไม่มีความคืบหน้า และยังไม่สามารถติดตามตัวทางฝั่งคู่กรณี 2 คน คือ ..ลดาวัลย์ (สงวนนามสกุล) และ นายพลเดช (สงวนนามสกุล) ที่อ้างตัวเป็นหุ้นส่วนบริษัทและเป็นคนรับเงินว่าจ้างไปทั้งหมด

blank

โดยทาง นางฐิตาภรณ์ ผู้เสียหาย เล่าว่า ก่อนหน้านี้ ได้รู้จักกับทางบริษัทขอทำวีซ่าดังกล่าวผ่านทางคนรู้จัก โดยได้รับคำแนะนำมาว่า สามารถยื่นเรื่องกับทางบริษัทดังกล่าว แล้วได้ไปจริง ตนจึงได้เข้าติดต่อเดินทางไปที่ออฟฟิศที่เปิดทำการ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ โดยทางบริษัทระบุว่า ค่ายื่นทำเรื่อง กับค่าจ้างเอเจนซี จะแยกออกจากกัน โดยค่าจ้างรวมกันอยู่ที่ประมาณ 60,000 กว่าบาท หลังจากตกลงกันแล้วจึงได้ทำการโอนเงินและยื่นเอกสารให้กับทางบริษัท และได้ขอให้ตนรอการแจ้งยื่นเรื่องการทำวีซ่า โดยบอกว่าใช้เวลาประมาณ 1 ปี 8 เดือน แต่หลังจากนั้นตนก็ไม่ได้รับการติดต่อกับทางบริษัทแต่อย่างใด และเมื่อสอบถามไปก็อ้างว่าเรื่องกำลังดำเนินการอยู่ และแจ้งให้ตนรอไปก่อน

blank

จนกระทั่งต่อมา ตนได้เข้าไปเห็นในเพจของทางบริษัท ซึ่งมีผู้เสียหายหลายรายไปเรียกขอเงินคืน ตนจึงโทรศัพท์ติดต่อไปที่บริษัทอีกครั้ง แต่ก็ได้รับคำตอบเช่นเดิมคือให้รอ และไม่มีความคืบหน้า และหลังจากที่ติดต่อไปหลายครั้ง ทางบริษัทกลับบอกกับตนว่ายังไม่ได้ยื่นเรื่อง แต่ตนได้เสียเงินไปแล้วรวมๆ 99,690 บาท นอกจากนี้แล้วตนยังทราบมาว่ามีผู้เสียหายหลายรายที่ตกเป็นเหยื่อในลักษณะเดียวกันกับตน และได้เข้าดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีกับทั้งสองคนที่อ้างตัวว่าเป็นหุ้นส่วนของบริษัทแล้ว โดยในส่วนของตนแจ้งความที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.66

blank

ขณะที่ทางด้าน นายประพันธ์ ผู้เสียหายอีกรายเล่าว่า กรณีของตนมีทางคนรู้จักแนะนำให้มาทำกับบริษัทแห่งนี้ เพราะยืนยันว่าสามารถไปได้จริง และไปมาแล้ว ตนจึงเกิดความเชื่อใจ และติดต่อกับทางบริษัท ส่งเอกสารและโอนเงินค่าจ้างกับค่าเดินเรื่องให้ไปเป็นเงินประมาณ 24,000 บาท ในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แล้วหลังจากนั้นทางบริษัทก็เงียบหายไป และไม่สามารถติดต่อได้ ตนจึงเดินทางมาติดต่อที่ออฟฟิศของบริษัทแต่ทางพนักงานบอกว่าไม่ได้รับการติดต่อกับทางคู่กรณีทั้งสองคนมาเป็นเดือนแล้ว ตนจึงได้เดินทางเข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ

อย่างไรก็ตามกรณีที่เกิดขึ้นกับผู้เสียหายทั้งสองราย ทำให้รู้สึกเสียความรู้สึกมาก เพราะต้องเสียเงินไปอย่างไม่เกิดประโยชน์ โดยหนึ่งในผู้เสียหายตั้งใจทำวีซ่าเพื่อเดินทางไปหาสามี และต้องการที่จะพาลูกไปเข้าเรียนที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งผู้เสียหายคาดว่าในตอนแรกบริษัทดังกล่าวสามารถดำเนินการเดินเรื่องให้กับผู้ติดต่อเพื่อขอวีซ่าได้จริง แต่ต่อมาอาจจะมีปัญหาด้านการเงิน หรือปัญหาติดขัดเรื่องอื่น จึงทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้ และคาดว่าคู่กรณีทั้งสองคนที่อ้างว่าเป็นหุ้นส่วนบริษัทนั้นเกิดปัญหาขึ้นภายหลังจึงแอบอ้างและเอาเงินของผู้ที่ติดต่อขอทำวีซ่า ซึ่งหลังเกิดเรื่องจึงอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เร่งดำเนินการติดตามตัวผู้เกี่ยวข้องทั้งสองคนมาดำเนินคดี เนื่องจากตนและผู้เสียหายหลายรายได้แจ้งความไว้นานแล้ว แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าในการดำเนินการแต่อย่างใด ประกอบกับเกรงว่าทั้งคู่จะแอบไปก่อเหตุในลักษณะเช่นนี้อีก และเกรงจะมีผู้เสียหายเพิ่มขึ้น