“บิ๊กโจ๊ก” นำทีมแถลง รวบแก๊งทุนจีนกว้านซื้อที่ดินสร้างบ้านจัดสรรในเชียงใหม่ มูลค่าหลักพันล้าน พบมีคนไทยเป็นนอมินี เตรียมขยายผลเพิ่ม

5125

“บิ๊กโจ๊ก” นำทีมแถลง รวบแก๊งทุนจีนกว้านซื้อที่ดินสร้างบ้านจัดสรรในเชียงใหม่ มูลค่าหลักพันล้าน พบมีคนไทยเป็นนอมินี เตรียมขยายผลเพิ่ม

วันที่ 30 มีนาคม 2566 ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับ กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 5 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ ติดตามจับกุมผู้ต้องหาจํานวน 5 ราย คือ

blank

1.บริษัทฟ้าหลวงการเกษตร จํากัด แจ้งข้อกล่าวหา Mrs.Qingfang Li (นางชิ่งฟาง หลี่) ข้อหา เป็นคนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต

2.Mrs.Qingfang Li (นางชิ่งฟางหลี่)สัญชาติจีนเป็นผู้ที่ใช้ชื่อนางปาริชาติ ถือหุ้น แทนตนและเป็นกรรมการนอมินี ข้อหา เป็นคนต่างด้าว ยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทยหรือนิติบุคคล ที่มิใช่คนต่างด้าว ประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวโดยฝ่าฝืนกฎหมาย และเป็นกรรมการ หุ้นส่วน หรือผู้ มีอํานาจกระทําการแทนนิติบุคคลซึ่งรู้เห็นเป็นใจกับการกระทําความผิดนั้นหรือมิได้จัดการตามสมควร เพื่อป้องกันมิให้เกิดความผิดนั้น และร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทําการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชนหรือเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สําหรับใช้เป็นพยานหลักฐานโดย ประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่ง อาจทําให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย

3.นางปาริชาติ อายุ 64 ปี ชาวอำเภอเมืองเชียงใหม่ เป็นผู้ที่ถูก Mrs.Qingfang Li (นางชิ่งฟาง หลี่) ใช้ชื่อถือหุ้น แทนตนและเป็นกรรมการนอมินี ข้อหา “เป็นผู้ช่วยเหลือ หรือสนับสนุน ให้คนต่างด้าวประกอบ ธุรกิจเกี่ยวกับการค้าขายอสังหาริมทรัพย์โดยการถือหุ้นแทนคนต่างด้าว เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบ ธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ซึ่งการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการค้าขาย อสังหาริมทรัพย์นี้เป็นธุรกิจที่ไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบกิจการด้วยเหตุผลพิเศษ ตามบัญชีท้าย บัญชีหนึ่ง ลําดับที่ 9 การค้าที่ดิน , เป็นกรรมการ หุ้นส่วน หรือผู้มีอํานาจกระทําการแทนนิติบุคคล ซึ่งรู้เห็นเป็นใจกับการกระทําความผิดนั้นหรือมิได้จัดการตามสมควรเพื่อป้องกันมิให้เกิดความผิดนั้น และ ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทําการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชนหรือ เอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สําหรับใช้เป็นพยานหลักฐานโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทําให้ผู้อื่นหรือประชาชน เสียหาย”

4.นายมานัส อายุ 60 ปี ชาวอำเภอเมือง เชียงใหม่ เป็นนอมินี ข้อหา “เป็นผู้ช่วยเหลือ หรือ สนับสนุน ให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการค้าขายอสังหาริมทรัพย์ โดยการถือหุ้นแทนคนต่าง ด้าว เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ซึ่งการประกอบ ธุรกิจเกี่ยวกับการค้าขายอสังหาริมทรัพย์นี้เป็นธุรกิจที่ไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบกิจการด้วย เหตุผลพิเศษ ตามบัญชีท้าย บัญชีหนึ่ง ลําดับที่ 9 การค้าที่ดิน”

5.นายสัญชัย ชาว อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย เป็นนอมินี ในข้อหา “เป็นกรรมการ หุ้นส่วน หรือผู้มีอํานาจกระทําการ แทนนิติบุคคลซึ่งรู้เห็นเป็นใจกับการกระทําความผิดนั้นหรือมิได้จัดการตามสมควรเพื่อป้องกันมิให้เกิด ความผิดนั้น” ส่วน คนจีนอีก 2 ราย หลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ ส่วนคนไทย 1 ราย อยู่ระหว่างเร่งติดตามจับกุม

blank

ขณะที่ช่วงค่ำคืนวานนี้ (29 มี.ค. 66) ทาง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางมาแถลงผลการจับกุม แก๊งนอมินีคนไทย ประกอบกิจการบ้านจัดสรรค์ในอำเภอสันกำแพง โดย เป็นโครงการประเภท บ้านเดี่ยวและวิลล่า ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.สันกลาง อ.สันกำแพง มีทั้งหมด 195 ยูนิต รองรับกลุ่มคนจีนโดยเฉพาะ ราคาตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป ถึงกว่า 11 ล้านบาท

โดยก่อนหน้านี้ได้เรียก สำนักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ พานิชย์เชียงใหม่ ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเชียงใหม่ และฝ่ายปกครอง ประชุมเกี่ยวกับเรื่อง ทุนจีน กว้านซื้อที่ดินในอำเภอหางดง อำเภอสันทรายและ อำเภอสันกำแพง เพื่อสร้างบ้านจัดสรร เปิดร้านขายของ และเปิดบริษัท ตลอดไปจนถึงซื้อโรงเรียนเพื่อให้คนจีนมาศึกษาต่อ โดยมีคนไทยเป็นนอมินี

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สำหรับการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากได้มีการแจ้งเบาะแส ว่ามีกลุ่มทุนจีนได้เข้ามากว้านซื้อหมู่บ้านในจังหวัดเชียงใหม่ในอำเภอสันกำแพง อำเภอเมือง และอำเภอสันทราย แบบไม่ถูกต้องโดยใช้คนไทยเป็นนอมินีเป็นเจ้าของโครงการแทนจึงได้บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเรื่องนี้โดยเฉพาะเคสนี้นั้นผู้ถือหุ้นปีที่ผ่านมานั้นเสียภาษีแค่ 30,000 กว่าบาท แต่ปีนี้มาเป็นเจ้าของหมู่บ้านจัดสรรหรูสองร้อยกว่าล้านบาท

blank

โดยรูปแบบลักษณะนี้เริ่มเกิดขึ้นมากที่จังหวัดเชียงใหม่เพราะจังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดที่อยู่ใกล้ประเทศจีนและคนจีนชอบเดินทางมาเที่ยวดังนั้นการที่จะซื้อพื้นที่ขนาดใหญ่เพื่อจะสร้างเป็นมหาวิทยาลัย ซื้อโครงการ ซื้อหมู่บ้านขนาดใหญ่เพื่อรองรับคนจีนโดยเข้ามาถือครองที่ดินเหล่านี้แล้วสร้างมหาวิทยาลัยต่างๆเพื่อจะวางแผนเข้ามาถือครองกิจการต่างๆในประเทศไทยโดยการใช้นิติกรรมอำพรางซึ่งถ้าหากปล่อยเป็นแบบนี้ต่อไปชาวเชียงใหม่ก็จะไม่มีพื้นที่ๆดินจริงๆ

นอกจากนี้ จากการสืบสวนเราพบว่ามีกลุ่มทุนจีนมากว้านซื้อที่บ้านจัดสรรประมาณ 4-5 โครงการ โดยวันนี้ที่จับกุมนั้นเป็นโครงการฟ้าหลวงการเกษตรจำกัด ซึ่งก่อนหน้านี้มีคนไทยถือหุ้น 100 เปอร์เซ็นต์ ต่อมามีคนจีนมาซื้อหุ้นไป 75 เปอร์เซ็นต์ เมื่อคนจีนซื้อไปก็ให้นอมีนีคนไทยเป็นผู้ถือหุ้นแทน พร้อมทั้งให้คนจีนอีกส่วนหนึ่งถือหุ้นในสัดส่วนที่ไม่เกินกว่ากฏหมายกำหนดโดยเจ้าของหุ้นเดิมก็ยังถือหุ้นอยู่ 25 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตำรวจได้เข้าจับกุมและดำเนินคดีแล้วส่วนคนไทยที่เป็นเจ้าของหมู่บ้านเดิมนั้นก็จะมีความผิดตามไปด้วยว่ามีการทำนิติกรรมอำพราง

โดยในกระบวนการทั้งหมดได้ดำเนินการไปหมดแล้วส่วนอีกส่วนที่ทางตำรวจจะทำต่อคือการตรวจสอบทรัพย์สินเพื่อดำเนินการยึดทรัพย์ทั้งหมด ในความผิดฐานฟอกเงิน และจะมีการตรวจสอบเรื่องของภาษีอากรถ้าหากพบมีความผิดก็จะดำเนินคดีข้อหาเลี่ยงภาษีอากรอีกข้อหาหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีการตำรวจพบหมู่บ้านจัดสรรหรูอีก 3 โครงการซึ่งเป็นโครงการใหญ่ โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเป็นการทำนิติกรรมอำพรางลักษณะเช่ายาว เช่นการเช่า 30 ปี แต่จะมีสัญญาหลายฉบับ ๆละไม่เกิน 3 ปีเพื่อหลีกเลี่ยงการที่ต้องไปจดทะเบียนกับเจ้าพนักงานซึ่งขณะนี้ตำรวจกำลังเร่งดำเนินการ

ในส่วนของทุนจีนที่เข้ามาอยู่ในไทยโดยการใช้วีซ่าผู้สูงอายุนั้นก็จะมีการตรวจสอบว่าการขอวีซ่าประเภทนี้นั้นมาขอโดยถูกต้องหรือไม่เดินทางมาเองหรือไม่ซึ่งการขอวีซ่าผู้สูงอายุนั้นหลักเกณฑ์คือต้องมีเงินอยู่ในบัญชี 800,000 บาทก็ต้องมาดูต่อว่า มีเงินในบัญชี 800,000 หรือไม่มีการทำธุรกิจอะไรมีทรัพย์สินมีเงินในบัญชีเพียงพอหรือไม่ ซึ่งถ้าหากมีการตรวจพบการกระทำลักษณะเช่นนี้ก็จะมีการดำเนินคดีกับ ตม.จังหวัดเชียงใหม่ด้วย แต่ไม่พบก็ไม่เป็นไรเราก็จะให้ความเป็นธรรม ส่วนผู้ต้องหาชาวจีนที่หลบหนีออกนอกประเทศไป 2 รายนั้น ทางตำรวจก็จะประสานไปยังสถานกงทูตจีนให้มีการออกหมายแดงต่อไป