ร้านยำชื่อดังเมืองเชียงใหม่ แฉพฤติกรรมมิจฉาชีพอ้างสั่งอาหารที่ร้านก่อนส่งภาพมีเส้นผมในอาหารขอให้ร้านโอนเงินคืน

1256

ร้านยำชื่อดังเมืองเชียงใหม่ แฉพฤติกรรมมิจฉาชีพอ้างสั่งอาหารที่ร้านก่อนส่งภาพมีเส้นผมในอาหารขอให้ร้านโอนเงินคืน ดีที่เจ้าของร้านไหวตัวทัน ตรวจสอบพบก่อเหตุทั่วไทย เตือนร้านอื่นๆระมัดระวังตรวจสอบให้ดี

วันที่ 10 มี.ค.66 รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ได้โพสต์เรื่องราวเตือนภัยลงในเพจร้าน ถึงเหตุการณ์ที่มีมิจฉาชีพรายหนึ่ง ใช้ชื่อว่า “รพีพร กลิ่นกลาง” แอบอ้างตัวเป็นลูกค้า อ้างว่าได้สั่งอาหารที่ร้าน แต่ต่อมามีการส่งภาพอาหารซึ่งเป็นยำแซลม่อน ที่ระบุว่ามีเส้นผมตกอยู่ในยำ พร้อมทั้งขอให้ทางร้านโอนเงินค่าอาหารคืน โดยอ้างว่าตัวเองอยู่ไกลไม่สะดวกที่จะเดินทางไปที่ร้าน แต่เมื่อทางร้านตรวจสอบกลับพบว่า บุคคลที่ได้สนทนาด้วย และแอบอ้างเป็นลูกค้านั้นมีชื่อบัญชีดำ แจ้งในอินเตอร์เน็ตว่าเป็นมิจฉาชีพจำนวนมาก อีกทั้งมีการระบุชื่อบุคคลดังกล่าวว่าเคยก่อเหตุในลักษณะเช่นนี้มาแล้วหลายครั้งทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายหลายรายระบุชื่ออย่างชัดเจน

blank

ขณะที่ต่อมาทางผู้สื่อข่าว ได้ติดต่อสอบถามกับทางด้าน นายณัฐกานต์ ศรีบุญเรือง อายุ 43 ปี เจ้าของยำปูม้าเจ็ดยอด สาขาเชียงใหม่-เจ้าของแบรนด์ ได่เล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (9 มี.ค.66) โดยทางหญิงสาวที่ใช้ชื่อว่า “รพีพร กลิ่นกลาง” ได้โทรศัพท์มาที่ร้าน ซึ่งขณะนั้นพนักงานเป็นคนรับสาย โดยเจ้าตัวอ้างว่าได้สั่งอาหารที่ร้านไป แล้วบอกว่ามีเส้นผมอยู่ในอาหาร หลังจากนั้นทางพนักงานได้แจ้งมาที่ตน และตนได้ทำการตรวจสอบพบว่า บุคคลดังกล่าวไม่ได้สั่งอาหารที่ร้านแต่ไปแคปรูปในเพจมาแล้วส่งรูปมาในไลน์ แต่เมื่อตนตรวจสอบก็คิดว่ามันผิดสังเกต อีกทั้งบุคคลดังกล่าวยังอ้างว่า เคยสั่งอาหารที่ร้านบ่อยครั้งไม่เคยเจอแบบนี้ และพยายามพูดจากดดันให้ทางร้านรับผิดชอบ

blank

ขณะที่ต่อมา ตนได้เอาภาพที่ทางบุคคลดังกล่าวส่งมาให้ดู พบว่ารูปแรกเป็นรูปยำแซลม่อน ที่น้ำยำเป็นปลาร้า แต่รูปที่สอง ที่บุคคลดังกล่าวส่งมาที่ทางตนขอให้วงกลมภาพที่มีเส้นผมให้ กลับกลายเป็นยำแซลม่อนอีกรูปที่ส่วนผสมของน้ำเป็นยำไทย ตนจึงรู้สึกผิดสังเกต เพราะจำหน้าตาและลักษณะอาหารของตัวเองได้ ตนจึงมั่นใจว่าบุคคลดังกล่าวน่าจะเป็นมิจฉาชีพที่พยายามกุเรื่องมาหลอกและข่มขู่ให้ร้านรับผิดชอบ หรือหลอกให้โอนเงินค่าอาหารไป เพราะคิดว่าทางร้านมีออเดอร์เยอะแล้วจะไม่ตรวจสอบ ประกอบกับอาจคิดว่าทางร้านกลัวจะเสียชื่อเสียง จึงอาศัยช่องทางนี้มากุเรื่องเพื่อจะหลอกให้หลงเชื่อ

นอกจากนี้หลังจากตนได้นำชื่อของบุคคลดังกล่าว ที่ชื่อว่า “รพีพร กลิ่นกลาง” ไปค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตก็พบว่า ชื่อของบุคคลดังกล่าวมีการขึ้นบัญชีดำไว้ และพบประวัติเคยก่อเหตุหรือใช้วิธีหลอกลวงในลักษณะเช่นนี้มาแล้วหลายครั้ง ซึ่งมีผู้เสียหายหลายรายก็มีการโพสต์แจ้งเตือนอยู่เป็นจำนวนมาก ในชื่อบุคคลดังกล่าว ตนจึงมั่นใจว่สบุคคลที่ติดต่อมานี้เป็นมิจฉาชีพ จึงได้นำเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาโพสต์เตือนไว้ เพื่อแจ้งให้ผู้เห็นโพสต์ได้ทราบถึงพฤติกรรมของมิจฉาชีพรายนี้ โดยเฉพาะในกลุ่มของร้านอาหาร หรือร้านค้า ที่ส่วนใหญ่มิจฉาชีพเหล่านี้จะเลือกร้านที่มีชื่อเสียง หรือเป็นร้านที่รู้จักในจังหวัด แล้วหลอกให้หลงเชื่อโดยอ้าง หรือข่มขู่ให้กลัวเสียชื่อเสียงร้าน เพื่อกดดันให้ร้านหลงเชื่อทำตาม

อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับบุคคลชื่อดังกล่าว ตนก็ยังไม่ทราบว่าเป็นบุคคล คนเดียวกับชื่อหรือไม่ เพราะมิจฉาชีพอาจจะนำชื่อ หรือภาพคนอื่นมาใช้เพื่อปิดบังตัวตนก็ได้ เพราะส่วนใหญ่มิจฉาชีพเหล่านี้มักจะไม่ใช้ภาพ หรือเฟสบุ๊ก รวมถึงไลน์ ที่เป็นตัวจริง เพื่อป้องกันการตรวจสอบติดตามตัวเจอ ส่วนหารดำเนินการเกี่ยวกับบุคคลดังกล่าว หลังตนตรวจสอบพบว่าเป็นมิจฉาชีพ ตนก็โพสต์เรื่องราวเตือนภัยไว้ แต่ยังไม่ได้มีการแจ้งความ เพราะทางร้านยังไม่ได้เสียหายเนื่องจากไหวตัวทัน แต่อยากฝากเตือนภัยให้กับสังคม โดยเฉพาะร้านอาหาร ร้านค้าในลักษณะของตน เพราะอาจทีผู้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อได้ ดังนั้นตนจึงอยากขอให้เจ้าของร้าน หรือร้านค้า ตรวจสอบให้ดีหากเกิดเหตุการณ์ในลักษณะคล้ายๆ กับตน ว่าบุคคลดังกล่าวเป็นใคร หรือมีตัวตนจริงๆ หรือไม่ เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกหลอกลวงจากมิจฉาชีพที่อาศัยช่องทางการทำมาหากินของเราในก่รลงมือก่อเหตุด้วย