“บิ๊กโจ๊ก” มาเชียงใหม่ เปิดแถลงขยายผลสวมบัตรประชาชนให้สาวจีน เผยอาจมีข้าราชการฝ่ายปกครองใหญ่กว่าปลัดอำเภอเกี่ยวข้อง ขอเวลาไล่เส้นทางการเงิน

207

“บิ๊กโจ๊ก” มาเชียงใหม่ เปิดแถลงขยายผลสวมบัตรประชาชนให้สาวจีน เผยอาจมีข้าราชการฝ่ายปกครองใหญ่กว่าปลัดอำเภอเกี่ยวข้อง ขอเวลาไล่เส้นทางการเงิน

ช่วงค่ำวันที่ 15 ธ.ค.65 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงความคืบหน้าการขยายผลกรณี สภ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ แจ้งข้อหา นายเพิ่มเกียรติ ปลัดอำเภอเชียงดาว พร้อมด้วย นายอาเบ กำนันตำบลเมืองนะ อ.เชียงดาว , นายอมรเทพ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.เมืองนะ และ นายวาเซ ชาวบ้านในตำบลเมืองนะ หลังพบหลักฐานว่าทั้งหมดร่วมกัน ดำเนินการสวมบัตรประชาชนให้กับนางสาวอริสภรา ศุภสิริบัณฑิตย์ หรือ นางสาวหย่ง สัญชาติจีน นอกจากปลัดอำเภอและเครือข่ายที่ถูกแจ้งข้อหาดำเนินคดีไปแล้ว เชื่อว่ายังมีคนเกี่ยวข้องมากกว่านี้ โดยในจำนวนเงินที่มีการตกลงในการสวมบัตรประชาชนจำนวน 7 แสนบาท ได้มีการโอนให้ปลัดอำเภอผ่านบัญชีธนาคารของผู้ใหญ่บ้าน 250,000 บาท ยังเหลืออีกประมาณ 450,000 บาท ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบเส้นทางการเงินว่าไปถึงไหนและถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองที่ระดับสูงกว่าปลัดอำเภอหรือไม่ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์หน้า หากพบใครมาเกี่ยวข้องในการกระทำผิดจะดำเนินคดีทั้งหมด

โดยในส่วนของปลัดอำเภอเชียงดาวจากการตรวจสอบยังพบว่าใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบกรณีเป็นกรณีเดียว ยังไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตในเรื่องอื่น ซึ่งในการสอบสวนต้องยึดจากพยานหลักฐานและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย นอกจากนี้ทางตำรวจ สภ.เชียงดาว ยังได้ขอศาลจังหวัดเชียงใหม่อนุมัติหมายจับนายวาเซ พ่อของ ด.ญ.อริสภรา ( ตัวจริง ) ที่หลบหนีหลังเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน

นอกจากนี้ยังได้สรุปความคืบหน้าในการกวาดล้างจับกุมแก๊งชาวจีนที่เข้ามาใช้พื้นที่ประเทศไทยในการไลฟ์สดการมีเพศสัมพันธ์ผ่านแอพลิเคชั่นจีนชื่อ ตาต้าไลฟ์ โดยจนถึงขณะนี้มีการตรวจค้นจับกุมไปแล้วในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ และ ชลบุรี จับกุมได้ทั้งหมด 48 คน และดำเนินคดีกับนักแสดงไปแล้วทั้งหมด 70 คน โดยในจำนวนนี้มีบางสาวนเป็นเด็กที่ได้เข้าสู่ระบบดูแลแล้ว

สำหรับขบวนการไลฟ์สดการมีเพศสัมพันธ์ที่จับกุมได้ที่ชลบุรี พบว่ามี น.ส.เสว ลี่ เหว่ย หรือ มะปราง อายุ 33 ปี สัญชาติจีน เป็นบอสใหญ่ โดยก่อนหน้านี้ได้ใช้วีซ่าท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยก่อนจะแปลงเป็นวีซ่าอาสาสมัครผ่านมูลนิธิ โดยทำธุรกิจนี้อยึ่ในประเทสไทยประมาณ 1 ปี ก่อนเดินทางกลับประเทศจีน โดยมีการสั่งการให้ชาวไทยและชาวจีนที่อยู่ในประเทศไทยเป็นผู้ดำเนินการ แบ่งหน้าที่กันทำเป็นสัดส่วนทั้งจัดหานักแสดง ล่ามแปลภาษาจีน จัดหาสถานที่ ดูแลการถ่ายทอดสดและดูแลค่าใช้จ่าย โดยขณะนี้ได้ออกหมายจับน.ส.เสว ลี่ เหว่ย พร้อมกับพวกอีก 5 คน รวมทั้งนักแสดงอีก 19 คน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกว่า ขบวนการจีนสีเทาที่เข้ามาทำธุรกิจผิดกฏหมาย ทางตำรวจจะเดินหน้าปรามปราบ รวมทั้งการช่วยเหลือดูแลเด็กที่เป็นผู้เสียหาย โดยพบว่ามีบางรายพบว่าติดเชื้อเอชไอวีด้วย