อธิบดีกรมควบคุมโรค เผยพบโอมิครอน สายพันธุ์ BA.2.75 ระบาดแรง เร่งกลุ่มเสี่ยงรับวัคซีนเข็มกระตุ้น ป้องกันป่วยหนัก-เสียชีวิต

1235

อธิบดีกรมควบคุมโรค เผยพบโอมิครอน สายพันธุ์ BA.2.75 ระบาดแรง เร่งกลุ่มเสี่ยงรับวัคซีนเข็มกระตุ้น ป้องกันป่วยหนัก-เสียชีวิต

เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 65 นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ประเทศไทยในหลายพื้นที่เริ่มมีอากาศหนาว ส่งผลต่อการแพร่เชื้อโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะโรคโควิด 19 สายพันธุ์  BA.2.75 ที่เริ่มมีแนวโน้มพบผู้ป่วยสูงขึ้นในประเทศไทย ซึ่งสายพันธุ์ดังกล่าวตรวจพบครั้งแรกในประเทศอินเดียเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และได้แพร่กระจายไปหลายประเทศ

“สายพันธุ์ BA.2.75 มีการกลายพันธุ์ที่ตำแหน่ง G446S บนโปรตีนหนาม ซึ่งใช้จับกับตัวรับในเซลล์ของมนุษย์ และเกี่ยวข้องกับการหลบภูมิคุ้มกัน ดังนั้น การพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วบ่งชี้ว่ามีความสามารถในการแพร่ระบาด แต่ยังไม่มีรายงานความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นจากเชื้อเดิม โดยในประเทศไทยมีรายงานพบสายพันธุ์ BA.2.75 ครั้งแรกเมื่อปลายเดือนมิถุนายน 2565 ข้อมูลจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ รายงานสัดส่วนของผู้ติดเชื้อ BA.2.75 ในประเทศเพิ่มขึ้นมากจากเดือนที่แล้ว เพิ่มจากร้อยละ 23.2 เป็นร้อยละ 43.9 อย่างไรก็ตาม สามารถใช้ยาต้านไวรัสที่มีอยู่รักษาได้ และวัคซีนที่มีอยู่รวมถึงแอนติบอดีออกฤทธิ์ยาว (Long-acting Antibodies; LAAB) ยังสามารถยับยั้งเชื้อโควิด 19 สายพันธุ์ BA.2.75 ได้” นายแพทย์ธเรศ กล่าว

นายแพทย์ธเรศ กล่าวต่อว่า ท่านปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้สั่งการให้โรงพยาบาลต่างๆ ในสังกัดสำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข และกรมการแพทย์ ขยายวันที่ให้บริการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนเพื่อความสะดวกในการเข้าถึงวัคซีน รวมทั้งสถาบันบำราศนราดูรสังกัดกรมควบคุมโรคที่เปิดให้บริการวันจันทร์ถึงศุกร์ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป

ด้านนายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีมีรายงานข่าวการเสียชีวิตของชายอายุ 38 ปี ติดโควิดนอนเสียชีวิตในคอนโด เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2565 จากข้อมูลการสอบสวนโรคเบื้องต้น โดยสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค และสำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร พบว่า ชายคนดังกล่าวได้รับวัคซีน 3 เข็ม ได้รับเข็มสุดท้ายในเดือนมกราคม 2565 นานมากกว่า 10 เดือน ขณะนี้รอผลการชันสูตรพลิกศพเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตจากสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งจะทราบผลเร็วๆ นี้

จึงขอความร่วมมือโดยเฉพาะประชาชนกลุ่มเสี่ยง 608 คือผู้สูงอายุหรือกลุ่มเสี่ยงโรคเรื้อรัง ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน มีการป่วยตายจากโควิดมากกว่าครึ่งหนึ่งของทั้งหมดที่รายงานในแต่ละวัน และกลุ่มนี้หากรับวัคซีนครบแล้วเข็มล่าสุดนานเกิน 4 เดือนขึ้นไป ให้เข้ารับวัควีนเข็มกระตุ้นเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันที่เพียงพอ จะสามารถป้องกันการป่วยหนัก และลดโอกาสเสียชีวิตได้ โดยสามารถเข้ารับวัคซีนได้ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หากประชาชนมีข้อสงสัยปัญหาโรคและภัยสุขภาพ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน   กรมควบคุมโรค โทร 1422