เชียงใหม่ เจ้าของธุรกิจรถเช่า หอบหลักฐานแจ้งความ ถูกสองแม่ลูกสุดแสบ เช่ารถมอเตอร์ไซค์ก่อนเชิดหายเข้ากลีบเมฆ อุตส่าห์ไว้ใจสุดท้ายต้องช้ำ พบประวัติหลายร้านในเชียงใหม่ตกเป็นเหยื่อมาแล้ว

1095

เชียงใหม่ เจ้าของธุรกิจรถเช่า หอบหลักฐานแจ้งความ ถูกสองแม่ลูกสุดแสบ เช่ารถมอเตอร์ไซค์ก่อนเชิดหายเข้ากลีบเมฆ อุตส่าห์ไว้ใจสุดท้ายต้องช้ำ พบประวัติหลายร้านในเชียงใหม่ตกเป็นเหยื่อมาแล้ว

วันที่ 25 ส.ค.65 นางสาวศิริพร แซ่อึ้ง อายุ 29 ปี เจ้าของธุรกิจรถเช่า “A Aew Motorbike” ย่านสันติธรรม .เมืองเชียงใหม่ นำหลักฐานเอกสารแสดงกับผู้สื่อข่าว จากการที่ก่อนหน้านี้ทางเจ้าตัวได้โพสต์โซเชียลเตือนภัย กรณีที่มีหญิงสาวลักษณะคล้ายทอม เข้ามาติดต่อเช่ารถจักรยานยนต์ที่ร้าน และถัดมาอีกวันได้พาหญิงสูงวัย เข้ามาติดต่อเช่ารถอีกครั้ง ก่อนที่จะถูกเชิดหายเข้ากลีบเมฆ โดยที่ทั้งสองคนไม่สามารถติดต่อได้ ทิ้งเพียงหลักฐานการเช่ารถเป็นเอกสารบัตรประชาชน และใบขับขี่ไว้เท่านั้น ส่วนรถจักรยานยนต์ที่ถูกเช่าไปทั้ง 2 คัน ก็ไม่สามารถติดตามกลับมาได้ ทำให้วานนี้ (24 ส.ค.65) ต้องตัดสินใจนำหลักฐานเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในที่สุด

blank

โดยทาง นางสาวศิริพร ผู้เสียหายเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีหญิงลักษณะเป็นทอม อายุประมาณ 33 ปี ได้ติดต่อมาทางเพจเฟซบุ๊กของตน โดยบอกว่าต้องการเช่ารถ และติดต่อรับรถที่สถานีขนส่งอาเขต 3 โดยจากการตรวจสอบก็พบว่าเป็นคนในพื้นที่เชียงใหม่ โดยในครั้งแรกที่หญิงคนนี้ติดต่อมาคือวันที่ 14-16 ส.ค. ที่มีการขอเช่ารถคันแรก และหลังจากนั้นก็มีการขอต่อสัญญาเพิ่มอีก 4 วัน เป็น 16-21 ส.ค. หลังจากนั้นถัดมาอีกเพียง 1 วัน หญิงทอมคนนี้ก็ได้พาผู้หญิงสูงวัย อายุประมาณ 62 ปี เข้ามาติดต่อเช่ารถกับตนอีกครั้ง โดยอ้างว่าหญิงสูงวัยคนนี้ทำงานเป็นแม่บ้านอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ ด้วยความที่ตนไว้ใจจึงคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะมีการทำสัญญากันอย่างชัดเจน โดยทางผู้เช่ามีการส่งภาพบัตรประจำตัวประชาชนมาที่แชตเพจของตน และมีการนำใบขับขี่มาเป็นหลักฐานในการวางมัดจำ และส่วนของผู้หญิงสูงอายุก็มีบัตรประชาชนมาวางเช่นกัน

blank

จนกระทั่งเมื่อถึงเวลากำหนดส่งคืนรถ ผู้เช่าทั้งสองคนนี้กลับขาดการติดต่อไปเลย และตนก็ไม่สามารถติดต่อไปได้ นอกจากนี้เมื่อทักไปยังช่องทางแชตที่สาวทอมคนนี้ติดต่อมาก็ไม่สามารถส่งได้ เพราะถูกบล็อก ตนได้นำเรื่องนี้โพสต์ลงโซเชียล เพื่อติดตามเบาะแสของบุคคลทั้งสองคนนี้ ก็มีกลุ่มผู้ประกอบการรถเช่ารายอื่นๆ ติดต่อมาเยอะมาก พร้อมทั้งส่งภาพของบุคคลดังกล่าวมาให้ดูก็ปรากฏว่าเป็นคนเดียวกันที่มาติดต่อเช่ารถ และพบผู้ประกอบการรถเช่ารายหนึ่งก็ถูกก่อเหตุในลักษณะเช่นนี้ ซึ่งรถที่ให้เช่าเป็นรถยนต์ และไม่สามารถติดตามได้จนถึงตอนนี้ และนอกจากนี้เท่าที่ทราบมายังมีร้านเช่ารถอื่นๆ หลายรายที่โดนบุคคลดังกล่าวก่อเหตุในลักษณะเดียวกัน เท่าที่ทราบมีรถยนต์ 1-2 คัน และรถจักรยานยนต์ 4-5 คัน ที่ไม่รวมกับรถของตน

blank

นางสาวศิริพร บอกอีกว่า กรณีที่เกิดขึ้นนี้ เป็นเหตุผลหนึ่งและปัญหาหลัก ที่ตนและผู้ประกอบการรถเช่าหลายแห่งไม่อยากให้คนในพื้นที่เช่ารถ เนื่องจากคนในพื้นที่เวลามาเล่ารถ 95 เปอร์เซ็นต์ มีปัญหาแทบจะทุกเคส ที่มีทั้ง เช่ารถแล้วไม่คืนตามกำหนด ไม่แจ้งล่วงหน้าว่าจะคืนช้าหรือเร็ว และทำไม่ตรงตามสัญญา รวมทั้งที่ทางผู้ประกอบการต้องติดตามเองด้วย ส่วนเคสนี้หลังจากที่ทราบว่าบุคคลทั้งสองไม่ยอมส่งรถคืนตามเวลา ตนก็ได้ไปติดตาม เมื่อวันที่ 23 .. ที่ผ่านมา โดยไปตามที่ทำงานที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งตามที่เจ้าตัวบอกมาแต่ปรากฏว่าไม่เจอหญิงทอมคนนี้ รวมทั้งที่ไปติดตามที่บ้านตามที่อยู่ก็ไม่เจอเช่นกัน

และจากการสอบถามทางเจ้าหน้าที่ที่ทำงานก็ทราบว่าสาวทอมคนนี้ทำงานที่โรงพยาบาลดังกล่าวจริง แต่เพิ่งมาทำยังไม่ถึง 3 เดือน และนอกจากนี้เมื่อตนสืบเบาะแส ก็พบว่าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์เป็นแม่ลูกกัน เพราะขอความร่วมมือให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบเลขบัตรประจำตัวประชาชน ก็มีชื่อขึ้นมาว่าบิดา มารดา เป็นใคร จึงทราบว่าเป็นแม่ลูกกัน แต่ไม่ได้ใช้นามสกุลเดียวกัน

อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุตามกำหนดคืนรถ จนถึงตอนนี้ผ่านมาประมาณ 2-3 วันแล้ว ที่ทั้งคู่ผ่านการติดต่อไป ตนจึงได้ดำเนินการเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.แม่ปิง และ สภ.ช้างเผือก และเรื่องอยู่ในระหว่างเข้าสู่กระบวนการกฎหมาย โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับเรื่องไว้แล้ว และให้ทางตนดำเนินการส่งจดหมายยกเลิกสัญญากับสาวทอมคนนี้ เพื่อให้สาวทอมคนนี้ตอบรับ แต่หากไม่มีการตอบรับแล้วจดหมายตีกลับก็หมายถึงบุคคลดังกล่าวไม่รับทราบ หรือรับรู้ ก็จะนำจดหมายดังกล่าวเข้าไปแจ้งความเพื่อเป็นหลักฐานในการดำเนินคดี

สำหรับมูลค่าความเสียหายที่เกิดกับร้านตน ก็มีมูลค่าเกือบ 1 แสนบาท ซึ่งตนก็อยากฝากถึงบุคคลทั้งสองคนด้วยว่า อยากให้นำรถกลับมาคืน เพราะตนก็เป็นผู้ประกอบการ รถที่ถูกเอาไปก็เป็นรถที่ใช้ประกอบธุรกิจ เป็นรถที่ใช้เงินซื้อทา ยิ่งในช่วงเศรษฐกิจเช่นนี้แต่กลับทาเกิดเรื่องราวเช่นนี้ก็ยิ่งซ้ำเติมทำให้เดือดร้อนมากขึ้น นอกจากนี้ตนยังทราบมาว่ารถคันหนึ่งที่ถูกเอาไปถูกขายไปแล้ว และอีกคันก็ทราบมาว่าถูกแยกชิ้นส่วน ส่วนตัวบุคคลทั้งสองก็ยังหลบหนีลอยนวล ตนจึงอยากฝากเตือนผู้ประกอบการรายอื่นๆ ด้วยว่าหากพบบุคคลในลักษณะดังกล่าวให้ลองตรวจเช็กประวัติก่อน เพราะตอนนี้บุคคลนี้มีประวัติอยู่ในอาชญากรรถเช่าแล้ว เมื่อตรวจสอบชื่อก็จะพบทันที และอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งดำเนินการติดตามตัวให้ได้เพราะไม่อยากให้ไปก่อเหตุอีก