แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงิน เหยือ 156 ราย เป็นผู้หญิงถึง 95% สูญเงินรวมกว่า 78 ล้าน ร้อง “ปวีณา” ช่วยติดตามคดี และประสานตำรวจสอบสวนขยายผล

218

แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงิน เหยือ 156 ราย เป็นผู้หญิงถึง 95% สูญเงินรวมกว่า 78 ล้าน ร้อง “ปวีณา” ช่วยติดตามคดี และประสานตำรวจสอบสวนขยายผล

วันที่ 15 ก.ค.65 เวลา 14.00 น. ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี รังสิต-นครนายก คลอง 7 ธัญบุรี จ.ปทุมธานี น.ส.พรทิพย์ วิทยะวรภัทร อายุ 51 ปี เจ้าหน้าที่องค์กรระหว่างประเทศ นายยศวิน เพียรพิทักษ์ อายุ 51 ปี อาชีพดีไซน์เนอร์ ผู้เสียหายถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงิน เป็นตัวแทนนำรายชื่อกลุ่มผู้เสียหายจำนวน 156 คน ความเสียหายกว่า 78 ล้านบาท เข้าร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยติดตามคดี และประสานตำรวจให้ช่วยสอบสวนขยายผลจากกลุ่มผู้ต้องหาที่ไปทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ประเทศกัมพูชาหลังตำรวจตามจับกุมมาได้ และผู้เสียหายที่อ้างว่าถูกหลอกไปทำงานที่กัมพูชาที่ช่วยเหลือกลับมาประเทศไทย พร้อมทั้งตรวจสอบเส้นทางการเงินโดยเฉพาะบัญชีม้าเพื่อเร่งนำเงินคืนให้กับผู้เสียหาย
blank
น.ส.พรทิพย์ วิทยะวรภัทร อายุ 51 ปี เจ้าหน้าที่องค์กรระหว่างประเทศ กล่าวว่า ตนเองสูญเงินไปกว่า 4 แสนบาท โดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรมาอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ DHL แจ้งว่าเรามีพัสดุตกค้าง มีสิ่งผิดกฎหมาย และมีความเชื่อมโยงกับนายสมศักดิ์ ศักดิ์ดี ที่ถูกจับคดีฟอกเงิน ซึ่งเราไม่เคยรู้จักและไม่เคยเกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมายใดๆ ทางนั้นก็ให้เราพิสูจน์โดยโอนเงินไปตรวจสอบบัญชี อ้างว่าถ้าตรวจสอบเสร็จจะโอนเงินคืนให้ เจ้าเราจึงได้แสดงความบริสุทธิ์ใจโดยการโอนเงินไปให้ก่อนจะรู้ว่าถูกหลอก
น.ส.พรทิพย์ กล่าวอีกว่า จากการรวบรวมกลุ่มผู้เสียหายพบว่าในจำนวนเหยื่อ 156 ราย เป็นผู้หญิงถึง 95% ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงที่อยู่บ้าน แม่เลี้ยงเดี่ยว แม่ลูกอ่อน หญิงตั้งครรภ์ หญิงในวัยเกษียณ และผู้หญิงที่ดูแลเด็กและคนชรา จึงทำให้มีเวลาคุยกับคอลเซ็นเตอร์ได้ครั้งละนานๆ บางรายคุยถึง 3 ชั่วโมงจนหลงเชื่อและโอนเงิน
นายยศวิน เพียรพิทักษ์ อายุ 51 ปี อาชีพดีไซน์เนอร์ กล่าวว่า ช่วงเดือน พ.ย.64 น้องสาวของตนถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรมาลักษณะเดียวกัน อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ DHL แจ้งว่ามีพัสดุตกค้างมีสิ่งผิดกฎหมาย และมีความเชื่อมโยงกับนายสมศักดิ์ ศักดิ์ดี ที่ถูกจับคดีฟอกเงิน น้องของตนก็ต้องการแสดงความบริสุทธิ์จึงโอนเงินไป 2.1 ล้านบาท ในครั้งเดียว และคิดว่าเขาจะโอนกลับคืนมาให้หลังตรวจสอบเสร็จ แต่ดูแล้วไร้วี่แววจึงรู้ตัวว่าถูกหลอก จากนั้นตนได้พาน้องสาวไปแจ้งความแต่คดีไม่คืบหน้า
นายยศวิน กล่าวอีกว่า “ตนจึงได้สืบหาข้อมูลด้วยตนเองและพบว่ามีผู้เสียหายที่ถูกหลอกเช่นเดียวกันจำนวนมากที่แจ้งความตามสน. และสภ.กระจายอยู่ทั่วประเทศ จึงได้รวมตัวกันขึ้นมาและอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจรวมคดีและเร่งติดตามตัวผู้กระทำผิดเพื่อเร่งนำเงินคืนให้กับผู้เสียหาย เนื่องจากบางรายเดือดร้อนจนเป็นโรคซึมเศร้าเคยคิดฆ่าตัวตายกันหลายคน ล่าสุดเห็นข่าวที่มูลนิธิปวีณาฯ ประสานตำรวจช่วยเหลือเหยื่อที่อ้างว่าถูกหลอกไปทำงานที่ประเทศกัมพูชากลับมา จึงได้ตัดสินใจรวมตัวกันเข้าขอความช่วยเหลือมูลนิธิปวีณาฯ”
หลังรับเรื่อง นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้ประสาน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ ศูนย์ PCT สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยนางปวีณา จะติดตามร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งรัดคดีให้เกิดความเป็นธรรมต่อไป