ร้านส้มตำและยำชื่อดังเมืองเชียงใหม่ วอนลูกค้ากลับไปจ่ายบิล หลังมากินที่ร้านแต่นั่งแยกโต๊ะ แล้วจ่ายบิลแค่โต๊ะเดียว คาดเข้าใจผิดคิดว่าอีกโต๊ะจ่ายแล้ว วอนเห็นใจทางร้านเพราะวัตถุดิบราคาสูง
วันที่ 15 ก.ค.65 นายธนากร ปิยธรรมรงค์ หรือนายเต๋อ อายุ 33 ปี เจ้าของร้านยำและส้มตำชื่อดังเมืองเชียงใหม่ “เต๋อตำยำระเบิด” ตั้งอยู่ย่านกาดทรัพย์ทองคำ ถนนซุปเปอร์ไฮเวย์สาย เชียงใหม่-ลำปาง พาผู้สื่อข่าวดูโต๊ะที่เกิดเหตุหลังลูกค้ากลุ่มใหญ่กว่า 16 คน ที่คาดว่าจะเป็นคนต่างจังหวัดเดินทางมาด้วยรถตู้ เมื่อเวลาประมาณ 18.10 น. ของวานนี้ (14 ก.ค.65) โดยทั้งหมดได้เข้าไปนั่งภายในห้องแอร์ VIP ของร้าน โดยแบ่งโต๊ะกันนั่งเนื่องจากลูกค้าในร้านมากเป็นพิเศษ เพราะเป็นวันหยุดยาว โดยโต๊ะแรก คือโต๊ะที่ 4 ต้องต่อโต๊ะ 3 ตัว นั่งประมาณ 12 คน และที่เหลืออีก 4 คน มีทั้งหญิงใส่หมวกสีเนื้อ และชาย แยกไปนั่งอีกโต๊ะข้างๆ เป็นโต๊ะหมายเลข 6 ซึ่งทั้งสองโต๊ะมีการสั่งอาหารมาทานกันจำนวนมาก ระหว่างนั้นเด็กๆ ที่มาด้วยก็เดินไปมาระหว่างทั้งสองโต๊ะ แต่ต่อมาเมื่อทานเสร็จประมาณเวลา 19.30 น. โต๊ะยาว (โต๊ะ 4) ได้เช็คบิลค่าอาหารในราคา 2,824 บาท ส่วนอีกโต๊ะ (โต๊ะ 6) นั่งกัน 4 คน ก็ได้เดินออกจากร้านไปพร้อมกันโดยไม่ได้จ่ายบิล
นายเต๋อ บอกว่า ขณะนั้นลูกค้าในร้านมีจำนวนมาก และพนักงานที่มาทำงานก็เพิ่งมาใหม่หลายคน ไม่มีประสบการณ์เจอลูกค้าเยอะๆแบบนี้ จึงไม่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียด กระทั่งมีบิลโต๊ะดังกล่าวค้างอยู่ที่แคชเชียร์ จึงได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดของร้านจนพบว่าทั้งสองโต๊ะมาด้วยกัน แต่จ่ายเพียงโต๊ะเดียว อีกโต๊ะไม่ได้จ่ายมีบิลจำนวน 1,070 บาท โดยลูกค้าโต๊ะนี้สั่ง ไส้กรอก , หมูยอ , ต้มยำทะเล , ยำปลาแซลมอน , ยำหอย นางรมทรงเครื่อง , ปูไข่ดองแช่น้ำปลา , ข้าวเหนียว , ขนมจีน , แคบหมู ฯลฯ และหลังตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดตนคาดว่าลูกค้าที่ไม่จ่ายบิลอาจจะคิดว่าอีกโต๊ะที่มาด้วยกันเช็คบิลให้แล้ว ซึ่งตนไม่ได้บอกว่าลูกค้าตั้งใจชักดาบหรือโกงทางร้าน เพียงแต่ขอความเห็นใจจากลูกค้า ให้ไปจ่ายบิลที่ค้างพันกว่าบาทให้ที่ร้านด้วย
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ตนได้มีการโพสต์เรื่องราวที่เกิดขึ้นลงเพจของร้านแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครติดต่อกลับหรือเข้ามาชำระเงินบิลดังกล่าวกับทางร้านแต่อย่างใด ซึ่งในเบื้องต้นกรณีนี้ตนยังไม่แจ้งความดำเนินคดีเพราะคิดว่าลูกค้าน่าจะเข้าใจผิดเอง อย่างไรก็ตามตนต้องวอนเห็นใจคนค้าขาย เพราะปัจจุบันราคาวัตถุดิบทุกอย่างมีราคาที่สูงขึ้นมาก ขณะที่ทางร้านยังคงขายในราคาเดิม และไม่มีการขึ้นราคา