เชียงใหม่ ติด 1 ใน 5 จังหวัดทั่วประเทศ ที่มีการฉีดวัคซีนมากที่สุด กว่าร้อยละ 90 ของประชากร

380

เชียงใหม่ มียอดฉีดวัคซีนติดหนึ่งใน 5 จังหวัดที่มีการฉีดวัคซีนมากที่สุด โดยได้ดำเนินการฉีดไปแล้วกว่าร้อยละ 90 ของประชากรในจังหวัด พร้อมทั้งยังเร่งฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ให้กับประชาชนทุกกลุ่มเพื่อชะลอการระบาดในวงกว้าง

วันที่ 8 มี.ค. 65 นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ มอบหมายให้ นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการแถลงข่าวสื่อมวลชนประจำสัปดาห์จังหวัดเชียงใหม่ ณ ห้องประชุม 4 ชั้น 4 อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมเปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ว่าในขณะนี้จังหวัดเชียงใหม่รวมถึงทุกจังหวัดในประเทศไทยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา 2019 มากว่า 2 ปีแล้ว ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่ได้มีการวางแนวทางบริหารจัดการเพื่อแก้ไขปัญหามาอย่างต่อเนื่องตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยในช่วงต้นปีที่ผ่านมาจังหวัดเชียงใหม่ได้ผ่อนคลายมาตรการให้กับประชาชนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ประชาชนอยู่ได้ไปพร้อมการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่เนื่องจากเกิดการพัฒนาสายพันธุ์ของไวรัสโคโรนา 2019 ขึ้น จากเดิมสายพันธุ์เดลต้า เป็นสายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งมึคุณสมบัติคือสามารถแพร่กระจายได้เร็วกว่า แต่ความรุนแรงของโรคน้อยกว่าสายพันธุ์เดิม ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรือมีอาการเพียงเล็กน้อย ทำให้อัตราการเสียชีวิตลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจน

นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า การป้องกันที่ดีที่สุดในขณะนี้คือ การทำให้ประชาชนชาวเชียงใหม่ทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงวัคซีนได้เร็วที่สุด ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ได้สั่งการให้ทุกภาคส่วนเร่งดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทั้ง 25 อำเภอโดยเร็วที่สุด จนทำให้จังหวัดเชียงใหม่มีสถิติการฉีดวัคซีนสูงเป็นหนึ่งใน 5 จังหวัดทั่วประเทศที่มีการฉีดวัคซีนมากที่สุด โดยมียอดการฉีดวัคซีนกว่าร้อยละ 90 ของประชากรทั้งหมดในจังหวัด ขณะเดียวกันจังหวัดเชียงใหม่ได้เร่งดำเนินการฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็กตั้งแต่อายุ 5-11 ปี พร้อมกับมีแคมเปญการรณรงค์ “ละอ่อนน้อยเชียงใหม่ ปลอดภัยจากโควิด” ด้วยการเชิญชวนผู้ปกครองให้นำบุตรหลานมาฉีดวัคซีนพร้อมกับแจกหน้ากากอนามัยในทุกอำเภอ เพื่อสามารถขับเคลื่อนด้านการศึกษาให้เด็กนักเรียนของเชียงใหม่ โดยเฉพาะที่ต้องเข้าสู่การสอบคัดเลือกเปลี่ยนหรือเลื่อนระดับชั้นเรียนมากที่สุด พร้อมกันนี้ได้จัดรณรงค์การสร้างภูมิคุ้มกันให้กับคนเชียงใหม่ ภายใต้โครงการ “คนเชียงใหม่รักกัน แยกกันสักพัก เพื่อป้องกันโควิด-19” เพื่อย้ำเตือนให้ประชาชนมีมาตรการยกระดับป้องกันตนเองที่มากขึ้น สามารถควมคุมโรคไวรัสโคโรนา 2019 ที่แพร่ระบาดในจังหวัดเชียงใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้านนายแพทย์กิตติพันธุ์ ฉลอม ผู้ช่วยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ได้กล่าวถึงการดูแลผู้ป่วยนอก หรือ OP with Self Isolation ที่ผู้ป่วยต้องรักษาด้วยการดูแลอาการป่วย ด้วยตนเองมากขึ้น ทำให้กลุ่มผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ได้เข้ามาอยู่ในระบบนี้ โดยผู้ติดเชื้อจะได้รับยากลับไปทานพร้อมสังเกตอาการที่บ้าน และจะมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขโทรติดตามอาการในช่วง 48 ชั่วโมง หลังได้รับการรักษา ทำให้จังหวัดเชียงใหม่มีเตียงว่างสำหรับรองรับผู้ป่วยถึงร้อยละ 62 ซึ่งในช่วงเดือนกุมภาพันธ์จะเห็นได้ชัดเจนว่ามีกลุ่มผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น ในขณะเดียวกันจำนวนผู้เสียชีวิตไม่ได้เพิ่มสูงขึ้นตามจำนวนผู้ติดเชื้อ เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นผู้ติดเชื้อจากสายพันธ์โอมิครอน และความครอบคลุมของวัคซีนการรณรงค์ฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ทำให้ลดอาการป่วยรุนแรง ลดการเสียชีวิตได้มากขึ้นอย่างชัดเจน ส่วนผู้ป่วยในกลุ่มสีส้มและกลุ่มสีแดงก็มีแนวโน้มลดลงเช่นกัน โดยในภาพรวมหลังจากที่มีการปรับแนวทางและปรับมาตรการการรักษา ทำให้ในช่วงเดือนมีนาคมจำนวนผู้ป่วยมีแนวโน้มลดลงเล็กน้อย ในส่วนของโครงการ “ถกแขนเสื้อเตื้อที่ 3 เตรียมต้อนฮับลูกหลานปิ๊กบ้านปี๋ใหม่เมือง” ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาที่จะมีคนเดินทางกลับภูมิลำเนากันเป็นจำนวนมากในช่วงเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ ทางจังหวัดเชียงใหม่ก็คาดหวังว่าจะมีประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีน เข็มที่ 3 มากขึ้น ซึ่งจะช่วยชะลอการระบาดในวงกว้างและลดอัตราการเสียชีวิตลงด้วย

ข่าว : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่