พาณิชย์ เผย “เนื้อหมู” ราคาลดต่อเนื่อง เฉลี่ยกิโลกรัมละ 175 บาท สั่งติดตามสถานการณ์สินค้าอุปโภคบริโภคอย่างใกล้ชิด หลังน้ำมันปรับขึ้นต่อเนื่อง

175

พาณิชย์ เผย “เนื้อหมู” ราคาลดต่อเนื่อง เฉลี่ยกิโลกรัมละ 175 บาท สั่งติดตามสถานการณ์สินค้าอุปโภคบริโภคอย่างใกล้ชิด หลังราคาน้ำมันปรับขึ้นต่อเนื่อง

วันที่ 8 ก.พ. 65 นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะทำงานกำกับติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าแก้ไขปัญหาและดำเนินคดีกับผู้ฝ่าฝืนและกระทำความผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือวอร์รูม ว่า จากการติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าที่เฝ้าระวังในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า มีราคาทรงตัวและบางชนิดเริ่มปรับลดลง โดยเฉพาะเนื้อหมู ราคาลดลงค่อนข้างชัดเจน โดยราคาจำหน่ายหมูเนื้อแดง ส่วนสะโพก ไหล่ ไม่รวมหมูเนื้อแดงปรุงแต่ง อยู่ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 164-170 บาท ลดจากสัปดาห์ที่แล้ว (วันที่ 30 ม.ค.) ที่ราคาเฉลี่ยทั้งประเทศ กก.ละ 187 บาท และตอนนี้เฉลี่ยทั้งประเทศ กก.ละ 175 บาท

สำหรับเนื้อไก่ ราคาเริ่มทรงตัว เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่แล้ว โดยราคาที่จำหน่ายในห้างเนื้อน่องติดสะโพก กก.ละ 65 บาท เป็นราคาที่กระทรวงพาณิชย์กำกับดูแล และในตลาดสด ราคาแตกต่างกันแต่ละพื้นที่ แต่เฉลี่ยอยู่ที่ กก.ละ 70-75 บาท และคาดว่า แนวโน้มราคาจะยังทรงตัวต่อไป เพราะต้นทุนอื่น ๆ ยังคงที่

ส่วนน้ำมันพืชปาล์ม แนวโน้มราคาไม่น่าจะสูงขึ้นแล้ว และกำลังเริ่มลดลง แต่จะยังทรงตัวในระดับนี้ต่อไปอีกประมาณ 2 สัปดาห์ เนื่องจากยังเป็นสต๊อกเก่าที่ราคาต้นทุนสูง และจากนั้นราคาจะปรับตัวลดลง เพราะผลผลิตปาล์มสด เริ่มออกสู่ตลาดในช่วงเดือนมี.ค.2565 เป็นต้นไป โดยราคาที่สำรวจจากร้านสะดวกซื้ออยู่ที่ขวดลิตรละ 64-65 บาท และในห้าง 61-62 บาท

ทางด้านผักสด มีราคาทั้งเพิ่มขึ้นและลดลง แต่ละจังหวัดแตกต่างกัน เนื่องจากผักเป้นสินค้าที่มีแหล่งผลิตเฉพาะ บางที่ปลูกได้ บางที่ปลูกไม่ได้ และยังมีต้นทุนค่าขนส่งเป็นตัวแปร แต่ตามที่ได้รับรายงาน คาดว่า ผักไม่น่าจะสูงไปกว่านี้ ถ้าไม่มีภัยธรรมชาติเข้ามา ส่วนสินค้าอุปโภคบริโภคทั่ว ๆ ไป ราคาทรงตัว ยกเว้นภาคใต้ ที่ราคาอาจจะสูงกว่าภาคอื่นเล็กน้อย เพราะมีต้นทุนในเรื่องค่าขนส่ง จากระยะทางที่ไกล

นายบุณยฤทธิ์กล่าวว่า ที่ประชุมยังได้รับทราบผลการจัดชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจออกตรวจสอบสถานการณ์ราคาสินค้าทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยในกรุงเทพฯ มี 55 ชุด และภูมิภาคทุกจังหวัด ซึ่งในกรุงเทพฯ ได้ตรวจสอบตลาดสด 103 แห่ง ห้างค้าส่งค้าปลีก 101 แห่ง และในต่างจังหวัดก็ตรวจสอบทั้งตลาดสด และห้างเช่นเดียวกัน โดยรายที่พบการกระทำผิดกฎหมาย เช่น ไม่ปิดป้ายแสดงราคา ขายเกินราคา ได้ดำเนินการตามกฎหมายแล้ว

ทั้งนี้ ยังได้มีการรายงานผลการตรวจสอบสต๊อกของห้องเย็นและโรงเชือด ตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ที่กำหนดให้การเก็นเนื้อสุกรตั้งแต่ 5,000 กก.ขึ้นไป ต้องแจ้งปริมาณการเก็บทุกสัปดาห์ โดยมีข้อมูลจากกรมปศุสัตว์ว่ามีห้องเย็น โรงเชือด 511 ราย แต่มีผู้ที่แจ้ง 404 ราย เพราะเก็บเกิน 5,000 กก. แต่กระทรวงพาณิชย์ ได้เข้าไปตรวจทุกแห่ง ทั้งที่เก็บเกิน และไม่เกิน รวมตรวจสอบทั้งสิ้น 616 ราย โดยในส่วน 404 ราย มีเนื้อหมูทั้งสิ้น 15.5 ล้าน กก. และรวม 616 ราย มีเนื้อหมูรวม 19.5 ล้าน กก. ซึ่งในนี้ ตรวจสอบพบการกระทำผิด ไม่แจ้งปริมาณตามที่กฎหมายกำหนด และผิดพ.ร.บ.คลังสินค้า ไซโลและห้องเย็น 12 ราย มีการส่งฟ้องและมีคำพิพากษาแล้ว 3 ราย คือ 1.ไม่แจ้งข้อมูลตามประกาศ กกร. 1 ราย ศาลสั่งปรับ 1 หมื่นบาท 2.ไม่แจ้งข้อมูล ปรับ 5,000 บาท และปรับรายวันอีกวันละ 500 บาท รวม 13 วัน มีโทษจำคุกด้วย แต่รอลงอาญา 1 ปี 3.ปรับสูงสุด 1 หมื่นบาท ลดกึ่งหนึ่ง และปรับรายวันอีกวันละ 500 บาท รวม 10 วัน ส่วนที่เหลืออีก 9 ราย อยู่ระหว่างดำเนินคดีและส่งฟ้อง

นอกจากนี้ วอร์รูมได้มอบหมายให้มีการติดตามสถานการณ์สินค้าอุปโภคบริโภคอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ เช่น ซอสปรุงรส เครื่องใช้ไฟฟ้า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป สินค้าที่เป็นปัจจัยการผลิต เช่น ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลง อาหารสัตว์ และสินค้าเกษตรสำคัญ รวมถึงติดตามปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการปรับลดหรือขึ้นของสินค้า เช่น ราคาน้ำมัน ก๊าซหุงต้ม และติดตามสถานการณ์เงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด