เชียงใหม่ พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 37 ราย ส่วนมากมาจากการติดเชื้อจากคลัสเตอร์ต่างๆในจังหวัด

1162

เชียงใหม่ พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 37 ราย ส่วนมากมาจากการติดเชื้อจากคลัสเตอร์ต่างๆในจังหวัด

วันที่ 18 ส.ค. 64 ดร.ทรงยศ คำชัย หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยถึงสถานการณ์การระบาดโรค Covid-19 จังหวัดเชียงใหม่ประจำวัน ว่า วันนี้จังหวัดเชียงใหม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวน 37 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้ติดเชื้อในจังหวัดจากคลัสเตอร์เดิม รวมยอดผู้ติดเชื้อตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 จำนวน 6,474 ราย รักษาหายแล้ว 5,801 ราย ส่วนการตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยง และผู้สัมผัสเสี่ยงสูง เมื่อวานนี้ตรวจทั้งหมด 2,442 ราย พบผู้มีผลบวก 36 ราย คิดเป็นร้อยละ 1.47 ส่วนปัจจัยเสี่ยงในการติดเชื้อนั้น พบว่า การติดเชื้อจากการสัมผัสในครอบครัวเพิ่มสูงขึ้น ส่วนการติดเชื้อจากการสัมผัสจากแหล่งระบาดในต่างจังหวัด การสัมผัสในที่ทำงานลดลง และการสัมผัสในชุมชนมีแนวโน้มลดลง

blank

การตรวจคัดกรองเชิงรุกในพื้นที่ แรงงานต่างด้าว คนงานเก็บลำไยนั้น ทางอำเภอไชยปราการเริ่มการสุ่มตรวจโรงงาน ตลาด และสถานที่ท่องเที่ยว จำนวน 87 ราย ผลเป็นลบทั้งหมด ด้านการตรวจผู้ที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่ ที่สนามบินเชียงใหม่ 16 ราย ที่สถานีรถไฟ 39 ราย ที่สถานีขนส่งอาเขต 1 ราย และทางรถยนต์ส่วนตัวที่ด่านดอนจั่น 24 ราย ผลเป็นลบทั้งหมด ส่วนที่ด่านตรวจสารภี ทำการตรวจพนักงานขับรถบรรทุกและผู้ติดตาม 120 ราย พบผู้มีผลบวก 2 ราย และด่านดอยเต่าตรวจ 13 ราย ผลเป็นลบทั้งหมด นอกจากนี้ ยังได้มีการตรวจเชิงรุกในชุมชนช้างคลาน 103 ราย พบผู้มีผลบวก 4 ราย และบริเวณตลาดวโรรส 175 ราย พบผู้มีผลบวก 1 ราย

ทั้งนี้ รายละเอียดของผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้ง 37 ราย มีดังนี้ เป็นผู้ติดเชื้อในจังหวัด 29 ราย มาจาก

blank
คลัสเตอร์ตำบลหางดง อำเภอฮอด 2 ราย รวมยอดสะสม 93 ราย โดยทั้ง 2 ราย เป็นผู้ที่อยู่ระหว่างการกักตัว
blank
คลัสเตอร์ชุมชนช้างคลาน 4 ราย รวมยอดสะสม 28 ราย เป็นการติดเชื้อเพิ่มจากการสัมผัสผู้ติดเชื้อที่ไปซื้อหมากที่ตึกสีฟ้า
blank
คลัสเตอร์โกดังลำไย บ้านเป้า อำเภอแม่แตง 2 ราย รวมยอดสะสม 22 ราย โดยเป็นผู้ที่อยู่ระหว่างการกักตัว 1 ราย และติดจากการสัมผัสผู้ติดเชื้อซึ่งเป็นคนขับรถขนลำไย 1 ราย
blank
คลัสเตอร์โรงแรมเลอเมอริเดียน 1 ราย รวมยอดสะสม 18 ราย โดยติดจากการสัมผัสผู้ติดเชื้อในครอบครัว
blank
คลัสเตอร์นิ่มซี่เส็ง ตำบลฟ้าฮ่าม 2 ราย รวมยอดสะสม 14 ราย โดยเป็นลูกจ้างขนสินค้าสาขาตลาดวโรรส และเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อเดิม
blank
การติดเชื้อที่ร้าน ค.เคหะภัณฑ์ ตำบลหนองผึ้ง อำเภอสารภี พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 2 ราย โดยเป็นผู้สัมผัสในครอบครัวของผู้ติดเชื้อที่ทำงานแผนกดังสินค้า รวมการติดเชื้อทั้งหมด 17 ราย

 และในส่วนของ นอกนั้นเป็นการสัมผัสในครอบครัว ในหน่วยฟอกไตโรงพยาบาลนครพิงค์ สัมผัสผู้ติดเชื้อรายก่อนหน้า และอยู่ระหว่างสอบสวนโรค 2 ราย และมีผู้ติดเชื้อที่เดินทางเข้ามาจากต่างจังหวัด 8 ราย จาก กรุงเทพฯ 3 ราย สมุทรปราการ สมุทรสาคร นนทบุรี นครปฐม และเชียงราย จังหวัดละ 1 ราย

ด้านการฉีดวัคซีนนั้น ขณะนี้จังหวัดเชียงใหม่มีผู้ที่รับการฉีดไปแล้ว 352,138 ราย คิดเป็นร้อยละ 29 ของประชากรเป้าหมาย ซึ่งมีสัดส่วนของผู้ได้รับการฉีดวัคซีนในแต่ละกลุ่มประชากรเป้าหมาย แบ่งเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ มีผู้ได้รับการฉีดร้อยละ 28.2 และกลุ่ม 7 กลุ่มโรคเรื้อรังและหญิงตั้งครรภ์ มีผู้ได้รับการฉีดร้อยละ 29.7 และกลุ่มประชาชนทั่วไปอายุ 18-59 ปี มีผู้ได้รับการฉีดร้อยละ 30.5 โดยมีวัคซีนที่ฉีดทั้งหมด 4 ยี่ห้อ คือ Sinovac AstraZenaca Pfizer และ Sinopharm

ดังนั้น คณะกรรมการบริหารจัดการวัคซีนจังหวัดเชียงใหม่ จึงได้จัดแคมเปญพิเศษ สำหรับเชิญชวนให้ประชาชนในกลุ่มเสี่ยงสูงเข้ารับการฉีดวัคซีน 2 แคมเปญคือ แคมเปญสำหรับหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป เมื่อเข้ารับการฉีดวัคซีนที่หน่วยฉีดของโรงพยาบาล ตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม – 17 กันยายน 2564 สามีหรือผู้ติดตามจะได้รับสิทธิพิเศษฉีดวัคซีนเพิ่มอีก 1 คน และแคมเปญสำหรับผู้สูงอายุ และ 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง ให้สามารถ Walk in เข้ามารับการฉีดในวันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม ตั้งแต่เวลา 08.00-15.00 น. ที่ 5 ศูนย์ฉีด ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าพรอมเมนาดา อุทยานหลวงราชพฤกษ์ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติฯ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล และหอประชุม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ วันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม ตั้งแต่เวลา 08.00-15.00 น. ที่ 3 ศูนย์ฉีด ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าพรอมเมนาดา อุทยานหลวงราชพฤกษ์ และห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล และวันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม ตั้งแต่เวลา 08.00-15.00 น. ที่ศูนย์ฉีดหอประชุม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

blank

นอกจากนี้ ยังได้มีการชี้แจงการออกประกาศคณะกรรมการควบคุมโรคจังหวัดเชียงใหม่ ในการกำหนดให้ชุมชนช้างคลานเป็นพื้นที่เฝ้าระวังสูงนั้น เป็นเพียงการขอความร่วมมืองดการเดินทางเข้า – ออก พื้นที่เท่านั้น ไม่ใช่การปิดชุมชนแต่อย่างใด ดังนั้น หากไม่มีเหตุจำเป็น ขอความร่วมมืองดการเดินทางเข้า-ออกพื้นที่ดังกล่าว เพื่อเป็นการป้องกันและควบคุมโรคต่อไป

ข่าว : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่

blank