ชาวบ้านขุนแม่รวม อ.กัลยาณิวัฒนา ลงแรงซ่อมถนนสุดโหดเอง หลังฝนตกทำถนนเละเป็นดินโคลนกว่า 10 กิโลเมตร เผยมีรถเสียและเกิดอุบัติเหตุแล้วหลายคัน
ชาวบ้านขุนแม่รวม ต.แจ่มหลวง อ.กัลยาณิวัฒนา ลงแรงซ่อมถนนสุดโหดเอง เพื่อนำพืชผลทางการเกษตรออกมาจากพื้นที่ไปขายที่ อ.แม่แจ่ม หลังในพื้นที่เกิดฝนตกหนักทำให้ถนนละเป็นโคลน เป็นระยะทางยาวกว่า 10 กิโลเมตร ทำให้รถขนกะหล่ำปลีพังแล้วหลายคัน บางคันประสบอุบัติเหตุตกเขา ชาวบ้านระบุ ในหมู่บ้านไม่มีสถานีอนามัย เวลามีคนป่วยหนักต้องใช้เส้นทางนี้ในการไปหาหมอที่ใกล้ที่สุด นอกจากนี้ระยะทางจากหมู่บ้านออกมาที่ตัวอำเภอกัลยาณิวัฒนาแค่ 80 กิโลเมตรแต่ต้องใช้เวลาเดินทางทั้งวัน
ชาวบ้านที่หมู่บ้านขุนแม่รวม ต.แจ่มหลวง อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่ ต่างช่วยกันนำจอบ เสียบและอุปกรณ์ก่อสร้างเท่าที่หาได้มาปรับถมร่องถนนเข้าออกหมู่บ้านเพื่อเตรียมนำปูนซีเมนต์มาโบกทับร่องถนนเป็นการชั่วคราวเพื่อให้รถยนต์สามารถแล่นผ่านได้ ด้วยความสะดวกแต่ก็ทำไปได้เพียง 800 เมตร จากระยะทางกว่า 10 กิโลเมตร เนื่องจากยังขาดเงินไม่พอประกอบกับอุปสรรค ด้านสภาพอากาศที่ฝนตกลงมาทุกวัน ทำให้สภาพถนนระหว่างหมู่บ้านไปสู่ตัวอำเภอแม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ที่กลายสภาพเป็นทะเลโคลน เป็นประจำในช่วงฤดูฝน สร้างความยากลำบากในการเดินทางให้กับรถยนต์กระบะของชาวบ้านที่ขนกะหล่ำปลีลงไปขายในตัวอำเภอแม่แจ่ม แต่ละคันผ่านไปได้ด้วยความยากลำบาก แม้รถจะเป็นขับเคลื่อนสี่ล้อและชาวบ้านจะมีประสบการณ์ในขับรถ แต่สภาพถนนที่เลวร้ายขั้นสุด ล้อที่พันโซ่ตะกุยดินลงไปลึกเกือบ 1 เมตร ทำให้รถหลายคันติดคาอยู่กลางหลุมโคลน ต้องระดมคนมาช่วยทั้งชักลากและดันรถ กว่าจะผ่านไปได้ก็ต้องใช้เวลานานนับชั่วโมงและทำให้มีรถหลายคันช่วงล่างเสียหาย รถบางคันประสบอุบัติเหตุตกลงไปในเหวลึก
ชาวบ้านขุนแม่รวม บอกว่า ก่อนหน้านี้หมู่บ้านอยู่ในเขต อ.แม่แจ่ม แต่เมื่อ 12 ปี ที่ผ่านมาทางจังหวัดแบ่งเขตพื้นที่ใหม่ทำให้หมู่บ้านไปอยู่ในเขต อ.แม่แจ่ม ชาวบ้านเกือบทั้งหมดปลูกกะหล่ำปลี และพืชผักอื่นๆ ผลผลิตหอมญี่ปุ่น ฟักทอง มันอะลู และอโวคาโด้ เป็นอาชีพหลักและต้องขนส่งผลผลิตลงไปขายที่ตัว อ.แม่แจ่ม ผ่านถนนเส้นนี้เป็นระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร โดยมีช่วงถนนประมาณเกือบ 10 กิโลเมตร ที่จะกลายสภาพเป็นโคลนในช่วงฤดูฝน สร้างความยากลำบากให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก ทำให้ต้องใช้เวลาทั้งวันกว่าจะไปถึงตัวอำเภอแม่แจ่ม ในการเดินทางแต่ละครั้ง ชาวบ้านต้องนัดหมายขับไปพร้อมกันหลายคัน เพื่อคอยช่วยเหลือชักลากรถที่มักติดโคลนเป็นประจำ ตอนนี้ชาวบ้านเดือดร้อนสารพัด ทั้ง ราคากะหล่ำปลีที่ตกต่ำเหลือเพียงกิโลกรัมละ 50 สตางค์ แถมยังต้องมาเจออุปสรรคในการเดินทางขนส่งอีก ความเดือดร้อนดังกล่าว นอกจากนี้ในชุมชนไม่มีสถานีอนามัยบางครั้งชาวบ้านในหมู่บ้านเกิดอาการป่วยต้องการรับการรักษาแบบเร่งด่วน ชาวบ้านต้องช่วยกันขนผู้ป่วยออกจากหมู่บ้านเพื่อไปหาหมอที่ใกล้ที่สุดบางครั้งใช้เวลาเดินทางออกมาเกือบทั้งวัน ขณะเดียวกันเด็กนักเรียนจากหมู่บ้านอื่นที่มาเรียนในโรงเรียนบ้านขุนแม่รวม ต้องกินนอนอยู่ที่นี่ เนื่องจากไม่สามารถเดินทางไปกลับได้ เนื่องจากผู้ปกครองไม่สามารถมารับ ส่งได้ อย่างไรก็ตาม ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือชาวบ้านในการปรับปรุงถนน ขอให้เป็นถนนคอนกรีตเพื่อความสะดวกและปลอดภัยในการเดินทางให้กับชาวบ้าน ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เรื่องราวความยากลำบากของชาวบ้านที่นี่ ได้ถูกนำเสนอผ่านสื่อมวลชนผ่านไป 1 เดือนยังไม่มีหน่วยงานไหนมาช่วยเหลือแต่อย่างใด
ขณะที่ชาวบ้านขุนแม่รวม กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากลงข่าวที่ผ่านยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาเหลียวแล ขณะที่ผลผลิตทางการเกษตรออกทุกวันจำเป็นต้องขนส่งเข้าในตัวแม่แจ่ม กลัวจะเน่าเสีย ถนนยังไม่ดีชาวบ้านระดมเงินซื้อปูนหินทรายและขอบริจาคผ่านเฟซบุ๊กได้มาบ้างจึงร่วมกันซ่อมแซมถนนพอไปได้ แต่เกิดอุบัติเหตุบ่อยทำให้รถพังไปหลายคันแล้ว ระยะทางที่ซ่อมถนนใหม่ 7 -10 ก ม.เป็นโรงเรียนกินนอนถึง ม.3 นักเรียนจำนวน200 คน เวลาคนเจ็บไข้หรือคนท้องจะต้องไปส่ง รพ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน เนื่องจากมีอุปกรณ์เครื่องมือ แพทย์ที่ครบกว่า ระยะทางขุนแม่รวม ขุนยวม 80 กม.หน้าฝนใช้เวลา 5-6 ชั่วโมง เลยทีเดียว