สมาคมทนายความฯ ชี้! ดารา Call Out เป็นสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ประกาศพร้อมให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมาย ด้านทนายนิด้า ลั่นวิจารณ์รัฐบาลเอาอะไรมาผิด

559

สมาคมทนายความฯ ชี้! ดารา Call Out เป็นสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ประกาศพร้อมให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมาย ด้านทนายนิด้า ลั่นวิจารณ์รัฐบาลเอาอะไรมาผิด

วันที่ 22 กรกฎาคม 2564 นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย มีข้อความว่า ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ให้สัมภาษณ์ส่งคำเตือนไปยังดารานักแสดง ทำนองว่า ดารานักแสดง อินฟลูเอนเซอร์ เป็นบุคคลสาธารณะที่ประชาชนรักและศรัทธา ขอความกรุณาอย่าใช้สิ่งเหล่านี้เคลื่อนไหวทางการเมืองโจมตีรัฐบาล เพราะสิ่งที่ทำเป็นการบิดเบือนข้อมูล เป็นการสร้างเฟกนิวส์ขึ้นในระบบโซเชียลมีเดีย ต่อมาพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ดาราที่เรียกร้อง (call out) กับเหล่าดาราที่ออกมาแสดงจุดยืนหรือแสดงความคิดเห็นต่อสถานการณ์บ้านเมือง นั้น

สมาคมทนายความแห่งประเทศไทยขอเรียนว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย คณะรัฐมนตรีหรือรัฐบาลเป็นเพียงตัวแทนใช้อำนาจบริหารแทนประชาชนเท่านั้น ประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจและเป็นผู้เสียภาษีให้รัฐบาลนำมาใช้จ่ายในการบริหารประเทศย่อมมีเสรีภาพที่จะวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลซึ่งกระทำได้ทั้งในรูปแบบการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายด้วยวิธีอื่น รวมถึงการ call out ดาราอันเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองให้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลและแสดงจุดยืนของตนก็ถือเป็นเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญที่กระทำได้โดยชอบเช่นกัน การจำกัดเสรีภาพดังกล่าวกระทำได้เพียงอาศัยอำนาจตามกฎหมายที่ตราขึ้นเฉพาะเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ เพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีงามของประชาชน หรือเพื่อป้องกันสุขภาพของประชาชนเท่านั้น (รัฐธรรมนูญมาตรา 34)

ดังนั้น การให้สัมภาษณ์ของรัฐมนตรีและการที่พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ที่เรียกร้องให้ดาราออกมาเคลื่อนไหวแสดงจุดยืนและแสดงความคิดเห็นต่อสถานการณ์บ้านเมืองจึงไม่สอดคล้องหรือขัดต่อรัฐธรรมนูญ สมาคมทนายความแห่งประเทศไทยจึงเรียกร้องให้คณะรัฐมนตรีและพนักงานสอบสวนได้เคารพ ในสิทธิและเสรีภาพของประชาชน รวมทั้งพึงตระหนักว่าการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและการแก้ไขปัญหาการ แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของรัฐบาลซึ่งมีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 55 ที่จะต้องควบคุม ป้องกัน รักษาพยาบาลและฟื้นฟูสุขภาพให้กับประชาชน การที่เศรษฐกิจของประเทศได้รับความเสียหาย รวมทั้งมีผู้ติดเชื้อโควิด-19มากขึ้นจนล้นระบบสาธารณสุขเป็นเหตุให้ประชาชนไม่สามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลจนถึงแก่ความตายบนท้องถนนตามที่เป็นข่าวจึงเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลที่ประชาชนมีสิทธิจะวิพากษ์วิจารณ์ได้ทั้งสิ้น

สมาคมทนายความแห่งประเทศไทยขอเรียนว่า การวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล หรือการวิพากษ์วิจารณ์สถานการณ์บ้านเมือง หรือการแสดงจุดยืนทางการเมือง ถือเป็นเสรีภาพและเป็นการติชมโดยสุจริตอันเป็นเสรีภาพของปวงชนชาวไทยตามรัฐธรรมนูญ การจำกัดเสรีภาพดังกล่าวจึงกระทำไม่ได้ ไม่ว่าโดยองค์กร บุคคลหรือคณะบุคคลใดก็ตาม ทั้งนี้ สมาคมทนายความแห่งประเทศไทยพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือหรือบริการทางด้านกฎหมายแก่ประชาชนทุกคนที่ถูกละเมิดเสรีภาพ เพื่อปกป้องสิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทยตามรัฐธรรมนูญต่อไป

blank

ทางด้านของ “ทนายนิด้า” หรือ ศรันยา หวังสุขเจริญ ทนายความชื่อดัง ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า #วิจารณ์รัฐบาลเอาอะไรมาผิด ไม่ว่าใครจะเป็นคนขู่ อยากบอกว่าอย่ามาขู่อะไรน่าเกลียดแบบนี้เลย ไปทำมาหากินจ้ะ นิด้าไม่รู้ใครเป็นคนขู่ แต่ถ้ารัฐบาลเองที่เป็นคนขู่ ขอให้เอาเวลาขู่ไปพิสูจน์ตัวเองเพื่อตบหน้าคนวิจารณ์ว่าที่พูดมานั้นมันไม่จริง

เราต้องแยกให้ออกระหว่าง #การวิจารณ์ กับ #การใส่ความ การวิจารณ์คือการแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องราวอย่างใดอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้น ว่าเรามีความรู้สึกหรือได้รับผลกระทบต่อสิ่งนั้นอย่างไร หากการวิจารณ์อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง หากเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นจริง ประชาชนย่อมมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นได้ว่าดีหรือไม่ดี เลวหรือไม่เลว ปากท้องและความเป็นอยู่ของพวกเราทั้งนั้น
ต่างจากการใส่ความ ที่ต้องบอกว่าการใส่ความไม่ว่าจะใส่ใครก็ผิด การใส่ความคือการยืนยันข้อเท็จจริงที่ไม่เป็นความจริง ยืนยันว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นแต่มันไม่เคยเกิดขึ้น แบบนี้อาจไม่ใช่การวิจารณ์ แต่เป็นการใส่ความ ซึ่งแบบนี้ถึงจะเสี่ยงว่าผิด ก็ควรจะพูดให้ถูกว่าจะเอาผิดคนวิจารณ์หรือคนใส่ความ เอาให้แน่นอน
เวลาคนให้ข่าว หรือเวลาข่าวออกก็อยากให้ประชาชนไม่สับสนว่า รัฐบาลที่ก็ไม่ใช่พ่อ แต่ทำไมพวกเราถึงแสดงความคิดเห็นไม่ได้วะ จริงๆ มันต้องได้สิ
ยืนยันตรงนี้ ว่าวิจารณ์รัฐบาลทำได้และประชาชนควรทำบนพื้นฐานความสุจริตเพื่อให้ประเทศก้าวไปข้างหน้า ไม่ผิด พรบ.คอมพ์ฯ
ถ้าแม้แต่วิจารณ์ก็ยังทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องเรียกประเทศไทยว่าประเทศไทยแล้ว ในตำราต้องไม่ใช่ประชาธิปไตยแล้ว ต้องระบอบเผด็จการแล้ว #ฝากไว้ให้ได้คิด #รัฐบาลที่เคารพรักสุดหัวใจดวงนี้