ส่องอนาคตเหรียญ ripple เมื่อใครๆ ต่างมองว่าฟองสบู่คริปโต กำลังจะแตก
Ripple หนึ่งในเหรียญ cryptocurrency ที่ได้รับความนิยมในหมู่นักเทรด มีลักษณะการนำไปใช้อยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ การนำไปใช้เป็นชื่อเรียกของ cryptocurrency มีอักษรย่อคือ XRP ลักษณะการนำไปใช้อีกรูปแบบหนึ่งคือ Open Payment Network หรือ แพลทฟอร์มสำหรับรับ-ส่งเงิน ในรูปแบบ Digital Asset ต่างๆ โดยมุ่งเน้นไปที่การรับส่ง Digital Asset ของกลุ่มธุรกิจการเงินเพื่อกระตุ้นให้เกิดการรับส่งเงินด้วยระบบอิเล็คทรอนิคส์แบบใหม่ และเพื่อเป็นช่องทางที่เป็นมาตรฐานในการโอนเงินผ่านระบบดิจิตัลโดยใช้ระบบ Blockchain มาใช้ในการแก้ปัญหาการโอนเงินข้ามประเทศ ข้ามสกุลเงินที่มีความยุ่งยาก จุดเด่นของ Ripple ที่แตกต่างจากเหรียญดิจิตัลสกุลเงินอื่นๆ คือ เครือข่าย Ripple Net ที่เป็นเครือข่าย Bit ให้ใช้เฉพาะธนาคารที่เป็นสมาชิกเท่านั้น ต่างจากเหรียญอื่นๆ ที่เป็นเครือข่ายเปิด เป้าหมายของ Ripple เพื่อต้องการสร้างมาตรฐานในการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิตัลให้เป็นแบบเดียวกันทั่วโลก เพื่อลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและประหยัดเวลาในการโอนเงินที่สร้างความยุ่งยากให้กลายเป็นเรื่องง่าย ถือว่าเป็นการสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เลยก็ว่าได้
การทำงานของ Ripple
Ripple มีการทำงานแบบ pair to pair มีโปโตคอลแบบ fiat to cryto ใช้ XRP เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน ซึ่งทำให้สามารถประมวลผลได้แบบเกือบเรียลไทม์ จากในอดีตที่ใช้เวลาเป็นวันในการโอนเงินไปยังต่างประเทศ แต่ในด้านความเร็วของ XRP สามารถโอนเงินข้ามประเทศโดยใช้ระยะเวลาเพียง 4 วินาทีเท่านั้น และสามารถรองรับการทำงานมากกว่า 1,000 ธุรกรรม พร้อมกันได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมค่าใช้จ่ายในการโอนเงินข้ามประเทศจึงมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างถูกและรวดเร็วกว่าการทำงานในรูปแบบเดิมๆ เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า Ripple มีประโยชน์อย่างมากในธุรกรรมทางการเงินในยุคปัจจุบัน เพราะทุกวินาทีมีการซื้อขายและเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ หรือการซื้อขายของระหว่างประเทศเกิดขึ้นจำนวนมาก ถ้าหากการโอนเงินข้ามประเทศส่งผลให้เกิดความล่าช้า อาจไม่เป็นที่พอใจของลูกค้าก็เป็นได้ ซึ่งในปัจจุบันธนาคารไทยหลายแห่งก็ได้เข้าร่วมใช้งานกับ Ripple แล้ว
เกิดอะไรขึ้นกับราคา Ripple และเหรียญคริปโตทั่วโลก
ภายหลังจากการผ่านพ้นปี 2021 เหรียญคริปโต ทุกเหรียญทั่วโลกต่างทำสถิติ New High กันเป็นว่าเล่น ซึ่งนำโดยพี่ใหญ่อย่าง Bitcoin ที่ทำจุดสูงสุดไว้ที่ 64,895.22 usd/bitcoin ในขณะที่ เหรียญ Ripple ทำจุดสูงสุดไว้ที่ 3.317 ในปี 2018 ก่อนที่ราคาจะค่อยๆ ลดต่ำลง ก่อนจะมีการปรับตัวขึ้นอีกครั้งเมื่อต้นปี 2021 ที่ราคา 1.966 usd/xrp และทำราคาลดต่ำลงมากกว่า 50-70% เหมือนราคาเหรียญคริปโตอื่นๆ ทั่วโลก ส่งผลให้นักลงทุนหน้าใหม่ได้รับผลกระทบจำนวนมาก นักวิเคราะห์หลายคนต่างออกมาแสดงความคิดเห็นว่า อนาคตเหรียญ ripple และบรรดาเหรียญคริปโตทั้งหมดกำลังอยู่ในช่วงฟองสบู่ที่รอวันแตก เพราะการที่ราคาลงมามากกว่า 50-70% ไม่ใช่เรื่องปกติ อีกทั้งยังมิอาจสามารถนำมาซื้อสินค้าในชีวิตประจำวันได้จริง โดยมีปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาเหรียญคริปโตทั่วโลกลงหนัก ดังนี้
- รัฐบาลสหรัฐกำลังพิจารณาความเข้มงวดในการจัดเก็บภาษีกำไรจากการขายเหรียญคริปโตเคอเรนซี โดยเฉพาะรายการที่มีการซื้อขายตั้งแต่ 10,000 USD หรือ ประมาณ 3 แสนบาท จึงทำให้นักลงทุนรายใหญ่ต่างคิดหนักและเทขายลงมาเพื่อลดความเสี่ยง เพราะปัจจุบัน (19/07/2021) ราคาเหรียญบิทคอยน์มีมูลค่า 31,636 USD/BTC
- ผลกระทบที่ดูร้ายแรงมากที่สุดตรงที่รัฐบาลจีนออกมาแบน การซื้อขายเหรียญคริปโตเคอเรนซีทั้งหมด โดยมิให้สถาบันทางการเงินรับทำธุรกรรมต่างๆ เกี่ยวกับเหรียญคริปโตทุกชนิด นั่นเท่ากับว่าตลาดการลงทุนที่ใหญ่อันดับ 2 ของโลกในด้านการขุดบิทคอยน์ก็จะหายไป ส่งผลให้กลายเป็นฟองสบู่ขนาดย่อมๆ ที่เริ่มปริแตกบ้างแล้ว
อนาคตเหรียญ ripple จะเป็นเช่นไร?
การคาดการณ์ใน อนาคตเหรียญ Ripple เป็นสิ่งที่ทำได้ยากมาก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรูปแบบของธุรกิจของ Ripple เองว่าจะสามารถยืนหยัดและแข็งแกร่งได้มากน้อยแค่ไหน ในเรื่องของการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านระบบออนไลน์ ผลประกอบการและกำไรของบริษัทจะเป็นตัวกำหนดทิศทางของเหรียญ Ripple นี้ หากความต้องการในอนาคตของเหรียญคริปโตยังเป็นที่ต้องการและผลการดำเนินงานของ Ripple เองแข็งแกร่ง ก็อาจเห็นราคาเหรียญ Ripple กลับมาโลดแล่นใหม่อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งคาดว่าอาจต้องรอนานถึง 10 ปีเลยทีเดียว อย่าลืมว่า Ripple มิได้เป็นเพียงแค่สกุลเงินในการซื้อขายในตลาดคริปโต หากแต่เป็นบริษัทหนึ่งที่ให้บริการการทำธุรกรรมทางการเงินออนไลน์ที่ให้บริการเฉพาะสถาบันทางการเงินเท่านั้น ดังนั้นอาจเป็นไปได้ว่าราคาจะสามารถปรับตัวสูงขึ้นตามพันธมิตรที่เข้าร่วมใช้บริการผ่านบริการของ Ripple แหล่งข่าวอ้างว่าในเดือนสิงหาคม ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของอินเดีย HDFC Bank Limited จะเข้าร่วมกับ RippleNet และในเดือนพฤศจิกายน Bank Of America ก็พร้อมลงนามข้อตกลงเพื่อเข้าร่วมกับ RippleNet และ Ripple อาจเป็นบริษัทคริปโตแห่งแรกที่อาจขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไป ถ้าคดีความได้รับการแก้ไขจาก กลต.สหรัฐ เหตุการณ์ดังกล่าวย่อมส่งผลต่อตลาดอย่างแน่นอน แต่ในกรอบระยะเวลาอาจยังไม่เหมาะสมท่ามกลางสภาวะวิกฤติในปัจจุบันนี้
OmiseGo แพลทฟอร์มที่จะมาเปลี่ยนการทำธุรกรรมทางการเงิน
OmiseGO หรือ OMG เป็น Blockchain ที่สร้างบน Ethereum Base ที่มีเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาการบริการทางการเงินขั้นพื้นฐานระหว่างผู้ประมวลผลการชำระเงินสถาบันการเงินและเกตเวย์ ดั่งคำขวัญที่ว่า Unbank the Banked สำหรับการเกิดขึ้นของ OmiseGo นั้น ได้ก่อตั้งเมื่อปี 2013 ในประเทศไทยโดย Jun Hasegawa และ Donnie Harinsuit เพื่อให้บริการการชำระเงินในรูปแบบออนไลน์โดยไม่ต้องพึ่งพาบุคคลที่สาม
การทำงานของ OmiseGO
การทำงานของ OmiseGo จะเหมือนกับ Ripple คือ ส่วนหนึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการระบบ Decentralized Blockchain และ Digital Wallet และอีกส่วนเป็น cryptocurrency มีอักษรย่อคือ OMG โดย OmiseGo จะเป็นการทำธุรกรรมแบบ Peer-to-Peer ร่วมกับเทคโนโลยี Smart Contract สามารถทำธุรกรรมทางการเงินและแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่าง ๆ ได้ เพราะรองรับระบบ SWIFT เหมือนกับ Ripple ที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในเรื่องของค่าธรรมเนียมจากสถาบันการเงินได้ พร้อมกันนี้ทาง OmiseGo ยังสร้างระบบ Digital Wallet ขึ้นมาเสริมเพื่อความเป็นระบบที่สมบูรณ์แบบในรูปแบบแอปพลิเคชันที่สามารถส่ง – รับเงินและทรัพย์สินมีค่าภายใต้ Blockchain ของ OmiseGo ซึ่งการพัฒนา Digital Wallet ของ OmiseGo ใช้ SDK ที่เป็น OpenSource แบบ White-label open source wallet ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยยังให้การรับรอง OMG และยอมรับว่าเป็นรูปแบบการชำระเงินเหมือนแอปพลิเคชันชื่อดังอย่าง Alipay และแบรนด์อื่นๆ ทำให้ใครหลายคนต่างคาดว่าในอนาคตอันใกล้ OMG จะมาแทนที่สถาบันทางการเงินในรูปแบบเดิม
วิเคราะห์ เหรียญ omg ในอนาคต
ปัจจุบันราคาเหรียญ OMG เมื่อเทียบกับค่าเงินบาทอยู่ที่ 117.34 THB/OMG หลังจากราคาทำนิวไฮเมื่อต้นปี 2021 ที่ผ่านมา ที่ราคา 244 บาท/OMG ซึ่งลงมามากกว่า 50% เหมือนเหรียญคริปโตทั่วๆ ไป ที่หลายคนต่างมองว่ากำลังเข้าสู่สภาวะฟองสบู่ที่รอวันแตก แต่ทว่า OmiseGo เป็นบริษัทที่มีการดำเนินกิจการเหมือน Ripple แถมมีบริษัทยักษ์ใหญ่ได้เข้าร่วมลงทุนธุรกิจกับ OMG Network เช่น SMBC ธนาคารรายใหญ่จากประเทศญี่ปุ่นและ Ayudha จึงมีพื้นฐานในเรื่องของผลประกอบการเป็นที่รองรับ คาดว่าในอนาคตผลประกอบการและผลกำไรจะเป็นตัวกำหนดทิศทางของราคาอย่างแท้จริง โดยในปัจจุบันมีการ วิเคราะห์ เหรียญ omg ถึงรูปแบบของราคาอยู่ในช่วง side way อาจเป็นการพักฐาน หรือลงต่อ ขึ้นอยู่กับราคาจะต้องไม่ทำจุดต่ำสุดใหม่หรือหลุดจากราคา 104.00 ลงไป เพราะจะถือว่าเป็นการ side way เพื่อลงต่อ เนื่องจากที่ผ่านมาเหรียญคริปโตเคอเรนซีเป็นขาขึ้นมาตลอด บางเหรียญผลิตขึ้นมาโดยยังไม่มีพื้นฐานทางธุรกิจรองรับ จึงทำให้เป็นเพียงแค่การเก็งกำไรเท่านั้น แต่หากเหรียญคริปโตชนิดใดที่สร้างขึ้นภายใต้บริษัทที่ทำธุรกิจและมีแนวโน้มรายได้และผลประกอบที่มีกำไร หรือได้รับการควบรวมกิจการหรือโดนซื้อกิจการจากสถาบันทางการเงิน ไม่แน่ว่าราคาเหรียญ OMG อาจกลับมาทำนิวไฮได้ใหม่อีกครั้ง
สำหรับใครที่ต้องการลงทุนในเหรียญคริปโตเคอเรนซี ไม่ว่าจะเป็นเหรียญ Ripple, OMG, Bitcoin หรือเหรียญชนิดอื่นๆ สิ่งหนึ่งที่อยากให้สังเกตคือบริษัทที่ออกเหรียญดังกล่าวมีพื้นฐานทางธุรกิจหรือไม่ ความชัดเจนของการดำเนินธุรกิจและที่สำคัญผลประกอบการของธุรกิจว่าเป็นอย่างไร เพราะการขึ้นลงของราคาจะสะท้อนผลประกอบการของธุรกิจเอง