“แม่สอด” วิกฤตหนัก! หมอลาออกหัวหน้าทีมควบคุมโรค ขอมาดูแลคนไข้อย่างเดียว เผยใครว่าเอาอยู่ก็มาทำต่อ หลังติดเชื้อวันเดียวกว่า 257 คน
วันที่ 19 ก.ค. 64 ผู้สื่อข่าวรายงาน แพทย์หญิงณัฐกานต์ ชื่นชม หรือหมอเบียร์ อายุรแพทย์โรคติดเชื้อโรงพยาบาลแม่สอด โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงการขอลาออกจากทีมควบคุมโรคของแม่สอด ระบุว่า แม่สอดวันนี้บวกรายใหม่ 257 คนเด้อพี่น้อง (ไม่ได้ล้อเล่น) อันนี้คือมีผลยืนยัน PCR แต่ยังมีที่มีอาการมากมายแต่เราไม่ตรวจถือเป็นเขียวทิพย์ อยู่ข้างนอก 111 คนที่เหลือล็อคไว้ภายใน….ว่าจะชินละนะ แต่วันนี้เยอะเกิ้น.. ดูแลตัวเองกันให้ดีนะคะ เป็นห่วงทุกๆคน ยอดมาเยอะพร้อมกับการตัดสินใจลาออกจากทีมควบคุมโรคของหมอเบียร์ ขอมาเป็นฝ่ายดูแลคนไข้เพียงอย่างเดียวค่ะ ..ใครว่าเอาอยู่ก็มาทำต่อนะคะ หน้าที่ฉันคือรักษาโรค หน้าที่คุณคือควบคุมโรค
ต่อมา “หมอเบียร์” ได้อธิบายเพิ่มเติม ระบุว่า เบียร์ขอเล่าให้ฟังแบบนี้ค่ะ เบียร์เป็นอายุรแพทย์โรคติดเชื้อ หน้าที่หลักของเบียร์คือ รักษาคนไข้โรคติดเชื้อทั้งหมด และคนไข้อายุรกรรมทั่วไป แต่เบียร์อยู่ชายแดนมา 16 ปี เป็นหมอโรคติดเชื้อมา 8 ปี เบียร์ทำงานควบคุมโรค กับงานระบาดวิทยาด้วย ทั้งๆที่ไม่ได้เป็นหมอระบาด ..ทำงานหนักมาก เพราะโรคระบาด โรคติดต่อมันเยอะค่ะ ยิ่งโควิดเข้ามาเหมือนเจอศึกทุกด้าน นี่ทำงาน 24 ชม on call มากว่า 600 วันแล้ว วันนี้ไม่มีใครสนใจฟังความคิดเห็นของเรา ไม่ดูหน้างาน เอาแต่สั่งการ … จึงขอลาออกจากการเป็นหมอระบาดแบบอุปโลกน์ ปลอมๆ ออกมารักษาคนไข้เพียงอย่างเดียวในแนวทางที่เราถนัดค่ะ ซึ่งคนไข้ทั้งหมดเบียร์ดูแลร่วมกับน้องๆหลายคนอยู่แล้ว ไม่ได้ขี้เกียจดูคนไข้นะคะ .. ส่วนเรื่องควบคุมโรคชายแดน และยุทธศาสตร์ต่างๆจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวต่อไป แค่นั้นเองค่ะ เพราะคิดว่าคงมีคนมีความสามารถมากกว่ามาดูแลแทน ด้วยความเคารพในความคิดเห็นของทุกท่าน
ด้านเพจ “หมอแม่สอด” ระบุเมื่อวันที่ 18 ก.ค. 64 อัปเดตสภาพการณ์อำเภอแม่สอด สวัสดีทุกท่านค่าาาา (พยายามทำตัวให้สดชื่น) มาอัพเดทสถานการณ์กันค่ะ จะเห็นได้ว่ายอดคนไข้รวมเริ่มลดลง นั่นเพราะคนไข้คลัสเตอร์ใหญ่รอบแรกทยอยรักษาครบ ดีใจน้ำตาจะไหล ขอบคุณที่พวกเราอดทนผ่านกันมาได้ค่ะ (แง)
แต่แม่สอดรอดแล้วจริงหรือไม่? หายใจเข้าลึกๆนะคะ เรากำลังเข้าสู่จุดที่น่ากลัวที่สุดค่ะ คลัสเตอร์ใหญ่หลายร้อยคนนั้น เป็นแรงงานต่างด้าวในโรงงาน เราบริหารจัดการโดยดัดแปลงโรงงานเป็น รพ.สนาม (หรือกึ่ง รพ.สนาม) เมื่อคนไข้หาย รพ.สนามจากโรงงาน ย่อมยุบกลับเป็นโรงงาน นั่นคือคนไข้ลด “แต่เตียงก็ยุบไปด้วย”
เมื่อดูยอดคนไข้รวม พบว่าแรงงานต่างด้าวไม่ได้เพิ่มขึ้นนัก ที่เพิ่มกลับเป็นคนไทยตามบ้าน ซึ่งติดจากธุรกิจเดินรถต่างๆ และแทรกซึมไปตามชุมชน นั่นคือโรคได้แตกตัวกระจายเข้าชุมชนแล้วค่ะ กลับมามองภาพรวม เรามีจำนวนเตียงในโรงพยาบาลและรพ.สนามสำหรับคนทั่วไปเท่าเดิม ขณะที่ยอดกลับพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ จากวันละ 10-20 คน พุ่งขึ้นเป็น 50-70 คน และมีแนวโน้มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง เตียงอยู่ในสภาพใกล้เต็ม หมุนไม่ทันทุกวัน ถ้าใครมีญาติเป็นจะทราบว่ารอเตียงนานขนาดไหน
สภานการณ์ไม่สวยงามจริงๆ เมื่อเช้าเตียงเต็มอีกแล้ว เราแข็งใจเปิด รพ.สนามแห่งใหม่ ทั้งที่คนไม่พอ และไม่มีใครได้นอนมาหลายวัน แต่ทั้งๆที่เปิดเพิ่มวันนี้แล้วนั้น จากการคาดการณ์ เตียงน่าจะเต็มอีกไม่กี่วันข้างหน้า พบพระ แม่ระมาด ก็เริ่มตึง และอยู่ในสถานการณ์คล้ายกัน ทุกอย่างมืดมนจริงๆ
แล้วเราจะทำอะไรได้บ้าง? ขณะนี้หลายชุมชนเริ่มจัดการทำ “community isolation” ของตนเองแล้วค่ะ เพื่อเตรียมรอรับผู้ป่วยในชุมชนที่อาการไม่มาก ขณะที่บางชุมชน คนในชุมชนมีความพร้อมรักษาตัวที่บ้าน เราก็จัดทีมลงช่วยเหลือ จัดโปรแกรมดูแล ให้คำแนะนำ
เล็กๆน้อยๆ แต่เหล่านี้ยังพอช่วยให้ระบบใหญ่ไปต่อได้ วันนี้เวลานี้ ประเทศยังไม่มีทางออก แต่ยังไงอ.แม่สอด พี่น้องห้าอำเภอชายแดน ไปจนถึงพี่น้องตากทั้งหมดต้องเดินหน้าต่อไปให้ได้
เราต้องผ่านไปให้ได้ด้วยกัน แล้ววันหนึ่งเหตุการณ์นี้ก็จะเป็นความทรงจำ ความสาหัสในวันนี้จะต้องผ่านพ้นไป สำหรับผู้ลักลอบข้ามแดน คนทำธุรกิจผิดกฎหมาย และคนที่ตัดช่องน้อยแต่พอตัว ในฐานะหมอเราพยายามช่วยนะคะ จะไม่พูดรายละเอียด แต่ขอให้ท่านรับผิดชอบตัวเอง และอย่าพยายามรังแกอ.แม่สอดมากไปกว่านี้เลยค่ะ
ป.ล.อยากเป็นกำลังใจให้ทางโรงพยาบาล ติดต่อผ่านทางเพจ”มูลนิธิโรงพยาบาลแม่สอด”เลยค่ะ