สมาคมโรคติดเชื้อฯ แนะรัฐบาลสั่งวัคซีน mRNA แทนซิโนแวค หวั่นสู้โควิดสายพันธุ์ใหม่ไม่ได้
เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2564 สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์ถึงนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ศบค. โดยระบุว่า ด้วยสถานการณ์สถานการณ์โควิด-19 มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น รัฐบางต้องเร่งระดมฉีดวัคซีนให้ประชาชนให้มากที่สุด แต่การกลายพันธุ์ของโควิด-19 มีส่วนทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนลดลง ดังนั้น สมาคมฯ จึงขอให้นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ศบค. พิจารณาประเด็น ดังต่อไปนี้
1.นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก คาดหมายว่า ไวรัสสายพันธุ์อินเดีย จะเป็นสายพันธุ์ที่ระบาดวงกว้างมากที่สุด และเป็นสายพันธุ์เด่นทั่วโลก
2. วัคซีนทุกชนิดที่ใช้ทั่วโลก กระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสสายพันธุ์อินเดียได้น้อยลง ข้อมูลเท่าที่มีอยู่ตอนนี้ พบว่า วัคซีนชนิด mRNA แม้จะกระตุ้นภูมิได้ลดลง แต่ยังอยู่ในระดับค่อนข้างสูง และวัคซีนที่ใช้ไวรัสเป็นพาหะ เช่น วัคซีนของบริษัท แอสตราเซเนกา กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้น้อยลง ส่วนวัคซีนชนิดเชื้อตาย คือ ซิโนแวค นั้น ไม่มีข้อมูล เนื่องจาก วัคซีนนี้ไม่เคยมีข้อมูลจากการศึกษาวิจัยที่ทำอย่างเป็นระบบและตีพิมพ์เผยแพร่อย่างเป็นทางการ แต่เนื่องจากระดับภูมิคุ้มกันต่อเชื้อสายพันธุ์ดั้งเดิมและสายพันธุ์อังกฤษที่ได้จากวัคซีนนี้ต่ำกว่า ที่ได้จากวัคซีน mRNA และวัคซีนที่ใช้ไวรัสเป็นพาหะ จึงคาดหมายว่า ระดับภูมิคุ้มกันต่อไวรัสสายพันธุ์อินเดียน่าจะต่ำลงไปกว่านั้นอีก อาจจะส่งผลต่อประสิทธิภาพของวัคซีน
3. ข้อมูลประสิทธิภาพของวัคซีนซิโนแวค ของไทย พบว่า ระดับภูมิคุ้มกัน หลังการรับวัคซีน 2 เข็ม ลดอัตราการป่วยรุนแรงและเสียชีวิตได้ แต่เป็นข้อมูลที่เก็บในช่วงการระบาดของสายพันธุ์อังกฤษ จึงยังไม่อาจนำมาใช้พิจารณา การจัดซื้อวัคซีนรุ่นถัดไปได้
4.ประเทศที่ประสบความสำเร็จในการใช้วัคซีนควบคุมการระบาด ล้วนแต่ใช้วัคซีนชนิด mRNA และวัคซีนที่ใช้ไวรัสเป็นพาหนะทั้งสิ้น ส่วนประเทศที่ใช้วัคซีนชนิดเชื้อตายเป็นหลัก เช่น อินโดนีเซีย และซิลี ยังพบผู้ป่วยรายใหม่ในอัตราที่สูงมาก แม้จะลดการอัตราการตายได้ แต่เป็นภาระต่อระบบสาธารณสุขของประเทศมาก และขณะนี้มีข้อมูลว่าประเทศที่มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 มาก ได้มีการใช้วัคซีน mRNA กันมากขึ้น ซึ่งก็พบว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
ด้วยเหตุผลดังกล่าว สมาคมโรคติดเชื้อฯ จึงขอเสนอแนวทางเรื่องวัคซีน ดังนี้
1.รัฐบาลควรเร่งรัด ให้มีวัคซีนให้อย่างเพียงพอ และเร่งรัดนำเข้าให้เร็วขึ้น เพื่อระดมฉีดให้กับประชาชนให้เร็วที่สุด
2.เร่งรัดจัดหาวัคซีนชนิดอื่น ๆ เช่น วัคซีนชนิด mRNA และวัคซันที่ใช้ไวรัสเป็นพาหนะ มาทดแทนวัคซีนชนิดเชื้อตาย ซิโนแวค ซึ่งในแผนจัดซื้อมีมากถึง 150 ล้านโดส แต่ประสิทธิภาพการป้องกันไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้น ควรจะเพิ่มแผนการจัดซื้อวัคซีนชนิด mRNA ให้มากขึ้นและควรจัดหามาให้ได้ก่อนสิ้นปีนี้
3.รัฐบาลควรมีแผนจัดหาวัคซีนรุ่นต่อไป ที่ผู้ผลิตออกแบบให้ป้องกันสายพันธุ์ใหม่ ๆ ได้ โดยเตรียมจัดซื้อล่วงหน้า แก้ไข ยกเลิกกฎระเบียบขั้นตอนของทางราชการที่ยุ่งยาก เพื่อให้การจัดซื้อนำเข้ามีความรวดเร็วมากขึ้น
4.รัฐบาลควรส่งเสริมนักวิจัยและอุตสาหกรรมยาในประเทศ ให้สามารถทำการวิจัยได้สำเร็จ เพื่อผลิตวัคซีนที่มีคุณภาพไว้ใช้เองในประเทศ
