เชียงใหม่เตือนประชาชนเฝ้าระวัง “โรคไข้เลือดออก” ในช่วงฤดูฝน แนะสังเกตตนเองโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง หากมีอาการไข้สูงให้เลี่ยงการซื้อยากินเองเพราะอาจทำให้เลือดออกมากขึ้น

311

เชียงใหม่เตือนประชาชนเฝ้าระวัง “โรคไข้เลือดออก” ในช่วงฤดูฝน แนะสังเกตตนเองโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง หากมีอาการไข้สูงให้เลี่ยงการซื้อยากินเองเพราะอาจทำให้เลือดออกมากขึ้น

สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1 เชียงใหม่ เตือนประชาชนเฝ้าระวังโรคไข้เลือดออก ในช่วงฤดูฝน แนะปฏิบัติตามมาตรการ 3 เก็บ ลดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง เพื่อป้องกัน 3 โรคย้ำผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงหากมีอาการไข้สูง หลีกเลี่ยงการซื้อยารับประทานเอง และห้ามใช้ยากลุ่ม NSAID เพราะอาจทำให้เลือดออกมากขึ้น
วันนี้ (8 มิ.ย. 64) นายแพทย์สุรเชษฐ์ อรุโณทอง รองผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1 เชียงใหม่ เปิดเผยในการแถลงข่าวสื่อมวลชนประจำสัปดาห์ ของ จังหวัดเชียงใหม่ ว่า โรคไข้เลือดออก เป็นโรคที่มีผู้ป่วยจำนวนมากในทุกปี ซึ่งจะมากที่สุดในช่วงฤดูฝน และจะลดน้อยลงในช่วงฤดูหนาว โดยจากสถิติตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 25 พฤษภาคม 2564 พบว่าในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบนมีผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกมากที่สุดในจังหวัดแม่ฮ่องสอน รองลงมาคือจังหวัดน่าน จังหวัดเชียงราย และจังหวัดเชียงใหม่
โรคไข้เลือดออกเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี และสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกช่วงอายุ ซึ่งอาการหลัก ๆ จะมีไข้สูง และมีผื่นแดง แต่สามารถป้องกันได้ผ่านมาตรการ “3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค” คือ 1.เก็บบ้านให้สะอาด ไม่ให้มีมุมอับทึบเป็นที่เกาะพักของยุง 2.เก็บขยะที่อยู่บริเวณรอบบ้าน เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง และ 3.เก็บน้ำ ภาชนะที่ใส่น้ำเพื่ออุปโภค บริโภค ต้องปิดฝาให้มิดชิด ล้างคว่ำภาชนะใส่น้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้ยุงลายวางไข่ ซึ่งมาตรการ 3 เก็บดังกล่าว จะช่วยป้องกันได้ถึง 3 โรค คือโรคไข้เลือดออก โรคติดเชื้อไวรัสซิกา และโรคปวดข้อยุงลายหรือโรคชิคุนกุนยา

ทั้งนี้ หากประชาชนมีอาการป่วย เช่นมีไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ หายใจเหนื่อยหอบ เบื่ออาหาร ปวดท้อง ซึ่งอาจมีลักษณะคล้ายกันหลายโรค ทั้งโรคไข้หวัดใหญ่ โรคไข้เลือดออก และโรคโควิด-19 จึงขอให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากอนามัย ดูแลสุขภาพของตนเองและคนในครอบครัว โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่อาจมีอาการรุนแรงหรือเสียชีวิต ได้แก่เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง หากมีอาการไข้สูง ควรหลีกเลี่ยงการซื้อยารับประทานเอง หากจำเป็นให้ใช้ยาพาราเซตามอน โดยห้ามใช้ยากลุ่ม NSAID (non-steroidal anti-inflammatory drug) เช่น ยาแอสไพริน หรือไอบูโพรเฟน เพราะอาจทำให้เลือดออกมากขึ้น และหากอาการไม่ดีขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม