รองแม่ทัพภาค 3 เผยผลการดำเนินการป้องกันและรักษาผู้ต้องขังเรือนจำกลางเชียงใหม่ ติดเชื้อโควิด-19 เกือบ 4,000 ราย ผลดำเนินการยังไม่น่าห่วง

1160

รองแม่ทัพภาค 3 เผยผลการดำเนินการป้องกันและรักษาผู้ต้องขังเรือนจำกลางเชียงใหม่ ติดเชื้อโควิด-19 เกือบ 4,000 ราย ผลดำเนินการยังไม่น่าห่วง ย้ำ ปชช.อย่าตื่นตระหนก ยันมีการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไม่ให้ออกมาภายนอก ขณะที่ด้านในเรือนจำยังมีการปฏิบัติหน้าที่ของทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 17 พ.ค.64 รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ห้องหอประชุม 80 พรรษา องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมี นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย พลตรี ถนัดพล โกศัยเสวี รองแม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะผู้แทนกองทัพบก , นายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์ธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ , พลตรี วุฒิไชย อิศระ รองเจ้ากรมแพทย์ทหารบก รักษาราชการผู้อำนวยการโรงพยาบาลค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ผู้บัญชาการเหตุการณ์ด้านการแพทย์ภายในเรือนจำกลางเชียงใหม่ , นายสุรศักดิ์ เผื่อนคำ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงใหม่ และนายอรรถวุฒิ พึ่งเนียม นายอำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ได้ร่วมแถลงข่าวความร่วมมือในการบริการจัดการโรงพยาบาลสนามเรือนจำกลางเชียงใหม่ ภายหลังจากมีกระแสข่าวการพบผู้ต้องขังภายในเรือนจำกลางเชียงใหม่ ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 3,929 คน จากจำนวนผู้ต้องขังทั้งหมด 6,469 คน ตามที่ปรากฎในหลายสื่อ

S 4522003

โดยก่อนการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการนั้น พลตรี ถนัดพล โกศัยเสวี รองแม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะผู้แทนกองทัพบก พร้อมด้วย พันเอก ชัยเนตรอาร์ เนตรพิชิต ผอ.โรงพยาบาลค่ายกาวิละ ได้เปิดเผยข้อมูลเบื้องต้นว่า กรณีการตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ภายในเรือนจำกลางเชียงใหม่ ที่เกิดขึ้นนี้สืบเนื่องมาจากทีผู้ติดเชื้อที่เป็นญาติของผู้ต้องขัง เข้าไปเยี่ยม แล้วนำเชื้อเข้าไปติดจนเกิดการแพร่กระจายขึ้น แต่อย่างไรก็ตามหลังพบการแพร่ระบาดของเชื้อแล้วนั้น ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้มีการเตรียมพร้อมรับมือ โดยการเตรียมพร้อมทั้งในเรื่องของการรองรับผู้ป่วยที่ในขณะนี้ได้มีการเตรียมเตียงรองรับประมาณ 200-300 เตียง โดยได้มีการแบ่งเป็น 2 โซน ประกอบด้วย โซนสำหรับดูแลผู้ป่วยที่อาการไม่เยอะมาก และส่วนที่ของกองทัพจัดตั้งคือ โซนอาคารที่ใช้ดูแลผู้ป่วยอาการสีส้มหรืออาการหนัก ซึ่งขณะนี้ผู้ป่วยตาทแดนต่างๆ ยังคงอยู่ในแดนของตัวเอง ซึ่งมีทั้งหมด 10 แดน ร่วมแดนแรกรับแล้ว และแดน 9 เป็นแดนประกอบอาหาร

S 4530226

ส่วนตัวเลขของผู้ติดเชื้อแต่ละสีนั้น จะมีการแถลงตัวเลขอีกครั้งในการแถลง เพื่อให้เกิดตัวเลขที่ชัดเจน ขณะเดียวกันขอให้ประชาชนและผู้ติดตามข่าวที่ทราบเรื่องนั้นก็อย่าเพิ่งเกิดความตื่นตระหนก ซึ่งทางเจ้าหน้าที่มีขั้นตอนการปฏิบัติอยู่ และทางทหารก็มีหน้าที่สนับสนุนอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามจากการประเมินสถานการณ์เบื้องต้นยังไม่พบปัญหาแต่อย่างใด และจากการประเมินสถานการณ์เบื้องต้น บ่งชี้ได้ว่าผู้ต้องขังทั้งหมดมีความเสี่ยงสูงทั้งหมด ซึ่งรวมในส่วนของผู้ต้องขังที่เหลือทั้งประมาณ 3,000 กว่าคน แต่อยู่ในส่วนของแดนที่ทางเจ้าหน้าที่ และแพทย์ควบคุมอยู่ และอยู่ในการประเมินผล แต่จากการติดตามอย่างใกล้ชิดก็พบว่าขณะนี้สถานการณ์ก็เริ่มดีขึ้น และพบว่ามีหายมาหลายรายแล้ว และผลัดไปเรื่อยๆ และหวังว่าจะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในท้ายที่สุด โดยที่เฝ้าระวังในกลุ่มที่เปราะบาง และกลุ่มที่มีโรคประจำตัว หรือกลุ่มที่มีอาการหนักที่เป็นเป้าหมายหลัก เพราะต้องการควบคุมกลุ่มนี้ทั้งหมดให้สามารถอยู่ในการควบคุม เพื่อไม่ให้แพร่กระจายออกมาข้างนอก

S 4522004

ขณะเดียวกันในส่วนของผู้ต้องขังรายใหม่ ที่เข้าไปนั้น ทางกรมราชทัณฑ์ก็จะมีระเบียบปฏิบัติ ในการแรกรับอยู่ ซึ่งจะมีแดนแรกรับที่ต้องกักตัวอยู่ โดยในแดนแรกรับจะมีการกับตัวดูอาการอยู่อย่างต่ำประมาณ 14 วัน รวมไปถึงการตรวจหาเชื้อเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เชื้อผ่านไปชั้นใน แต่อย่างไรก็ตามในส่วนของปัญหา และอุปสรรค เกี่ยวกับการรักษานั้นก็จะเป็นในเรื่องของการติดต่อสื่อสาร เนื่องจากโดยปกติหากอยู่ข้างนอกจะสามารถโทรศัพท์ติดต่อสื่อสารกันได้ และในส่วนของระเบียบของทางเรือนจำ รวมไปถึงการส่งเครื่องมือที่ต้องมีขั้นตอนการปฏิบัติที่เป็นไปตามระเบียบ

S 4522007

อย่างไรก็ตามทาง พลตรี ถนัดพล โกศัยเสวี รองแม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะผู้แทนกองทัพบก ยืนยันว่า ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าตื่นตระหนก และไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องของการดำเนินการ เพราะมีทุกภาคส่วนในการช่วยเหลือกัน โดยยืนยันว่าจะไม่มีการแพร่ระบาดออกสู่ด้านนอกอย่างแน่นอน และดำเนินการอย่างเป็นไปตามขั้นตอนที่ชัดเจน รวมไปถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ ส่วนบุคลากรและเจ้าหน้าที่ด้านในก็มีการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ จากนั้นในเรื่องของวัคซีนก็จะมีการเข้าถึงในช่วงประมาณต้นเดือนมิถุนายนต่อไป