สสจ.เชียงใหม่ เผยความคืบหน้าผลการติดตามผู้สัมผัสกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่จังหวัดกระบี่ ขณะเดินทางมาท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่
วันที่ 9 พ.ย. 63 ที่ ศูนย์ข้อมูลข่าวสารเฉพาะกิจจังหวัดเชียงใหม่ อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ แถลงถึงความคืบหน้าในการดำเนินการของทีมสอบสวนโรคของ สสจ.เชียงใหม่ กรณีที่กระทรวงสาธารณสุขแจงความคืบหน้าผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย 1 รายเป็นเพศชาย สัญชาติอินเดีย อายุ 37 ปี อาชีพพนักงานในร้านอาหาร จังหวัดกระบี่ ขณะนี้ผู้ป่วยรักษาตัวที่โรงพยาบาลกระบี่ อาการทั่วไปปกติ ไม่มีไข้ ไอเล็กน้อย ติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและเสี่ยงต่ำ 290 ราย ยังไม่พบการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง ผู้ป่วยรายนี้ตรวจพบเชื้อจากการตรวจสุขภาพเพื่อขอใบอนุญาตทำงาน (work permit) โดยได้ทำการตรวจ 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2563 ตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR ที่โรงพยาบาลเอกชนและผลตรวจยืนยันของศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 11/1 จังหวัดภูเก็ตพบเชื้อเช่นกัน แต่ผลการตรวจบ่งชี้ว่าน่าจะมีปริมาณเชื้อน้อยมาก และได้เก็บตัวอย่างตรวจ RT-PCR ซ้ำครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2563 ผลไม่พบเชื้อ ประกอบกับผลการตรวจหาภูมิคุ้มโควิด 19 ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบว่าผู้ป่วยมีภูมิคุ้มกันชนิด IgG ซึ่งช่วยยืนยันการติดเชื้อจริง แต่มีความเป็นไปได้ว่าผู้ป่วยได้ติดเชื้อมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 สัปดาห์แล้ว เนื่องจากผมตรวจภูมิคุ้มกัน IgM เป็นลบ ข้อมูลข้างต้นชี้ให้เห็นว่าผู้ป่วยมีโอกาสต่ำมากที่จะแพร่เชื้อให้ผู้อื่นในระหว่างการเดินทางในจังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม – 2 พฤศจิกายน 2563
นายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ได้รับการประสานจากกรมควบคุมโรคถึงข้อมูลเกี่ยวกับผู้ป่วยรายดังกล่าวจึงส่งทีมสอบสวนโรคของ สสจ.เชียงใหม่ ร่วมกับ สคร.1 ลงพื้นที่สอบสวนโรค และติดตามผู้สัมผัสในจังหวัดเชียงใหม่ พบว่าผู้ป่วยรายดังกล่าวเดินทางพร้อมกับเพื่อนชาวไทย จำนวน 1 ราย วันที่ 30 ตุลาคม 2563 ได้เดินทางเข้ามาจังหวัดเชียงใหม่โดยเครื่องบิน เที่ยวบิน FD3167 นั่งแท็กซี่ไปโรงแรมในตัวเมืองเชียงใหม่ และเที่ยวสถานบันเทิงกับเพื่อนชาวไทย วันที่ 31 ต.ค. 2563 เช่ารถยนต์ขับจากโรงแรมในเชียงใหม่ ไปสุโขทัย พร้อมกับเพื่อนชาวไทย วันที่ 1 พ.ย. 2563 ขับรถยนต์กลับเชียงใหม่และเที่ยวในเมือง และเข้าพักที่โรงแรมเดิม วันที่ 2 พ.ย. 2563 คืนรถเช่าที่สนามบินเชียงใหม่ และเดินทางกลับภูเก็ตกับเพื่อนชาวไทย เที่ยวบิน FD3168
“สำหรับผลการติดตามผู้สัมผัสในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดจากท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ พบผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง 1 ราย เป็นพนักงานขับรถแท็กซี่ และผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ จำนวน 20 ราย ทั้งหมดเป็นเจ้าหน้าที่ในท่าอากาศยานเชียงใหม่ และจากการการสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่โรงแรมและตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง 1 ราย เป็นพนักงานขับรถของโรงแรม และเสี่ยงต่ำ จำนวน 13 ราย ซึ่งเป็นพนักงานต้อนรับ และพนักงานทำความสะอาด นอกจากนี้ยังได้มีการสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่บริษัทรถเช่าเชียงใหม่ พบผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำอีก 4 ราย เป็นการสัมผัสระหว่างรับ ส่งรถเช่า รวมมีผู้สัมผัสทั้งเสี่ยงสูงและเสี่ยงต่ำทั้งสิ้น 39 ราย และได้รับการเก็บตัวอย่าง เพื่อตรวจหาเชื้อก่อโรค COVID-19 ในวันที่ 9 พ.ย. 2563 ขณะนี้กำลังรอผลผลการตรวจซึ่งผลทั้งหมดจะออกราว 20.00 น. วันนี้ ทั้งนี้ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่กำลังตรวจสอบผู้สัมผัสจากกล้องวงจรปิดของสถานบันเทิงที่ผู้ป่วยได้เดินทางไป และยังได้ส่งข้อมูลผู้ป่วย รวมถึงป้ายทะเบียนรถเช่า เพื่อให้ทางตำรวจได้ตรวจสอบการเดินทางในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อค้นหาผู้สัมผัสเพิ่มเติมต่อไป”
นายแพทย์จตุชัยฯ ชี้แจงเพิ่มเติมอีกว่า เนื่องด้วยในขณะนี้ยังไม่พบการระบาดในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงสถานที่ที่ผู้ป่วยรายดังกล่าวได้เดินทางไป และยังอยู่ในระหว่างรอผลการตรวจหาเชื้อของผู้สัมผัสที่เหลือ หากพบมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทางทีมสอบสวนโรคจะมีการประกาศเพื่อค้นหาผู้สัมผัสรายต่อไป ตามมาตรการของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
สำหรับการปฏิบัติตัวประชาชนที่สัมผัสใกล้ใช้ผู้ป่วยรายนี้ให้เฝ้าระวังตนเองสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน หากมีอาการให้รีบพบแพทย์ ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านพร้อมบอกประวัติ และขอความร่วมมือประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่อย่าตื่นตระหนก สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการควบคุมป้องกันโรคตามมาตรการอย่างรวดเร็ว เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในพื้นที่ อย่างไรก็ตามทุกคนยังคงต้องอยู่กับโควิด 19 ไปอีกระยะหนึ่ง ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดเปรียบเสมือนวัคซีนช่วยป้องกันการติดเชื้อคือ การสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่าง เข้ารับบริการสถานที่ต่างๆ ลงทะเบียนด้วย “ไทยชนะ” ทุกครั้ง