ชาวท่าเดื่อร้องสื่อ! วัดอายุกว่า 700 ปี ถูกยึดไปอยู่ในความดูแลของวัดหนึ่งในเชียงใหม่ จากแต่เดิมชาวบ้านช่วยกันดูแลสืบทอดมาตั้งแต่โบราณ

5938

ชาวท่าเดื่อร้องสื่อ! วัดอายุกว่า 700 ปี ถูกยึดไปอยู่ในความดูแลของวัดหนึ่งในเชียงใหม่ จากแต่เดิมชาวบ้านช่วยกันดูแลสืบทอดมาตั้งแต่โบราณ

วันที่ 13 ตุลาคม 2563 ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องจากชาวบ้านท่าเดื่อ ม.12 ต.บ้านแม อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ เกี่ยวกับโบราณสถานของชุมชนซึ่งเป็นวัดท่าเดื่อเดิมที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 700 ปี ที่ชาวบ้านในชุมชนช่วยกันดูแลกันมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ แต่กลับถูกสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ นำไปอยู่ในการดูแลของวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถเข้าไปดูแลได้เหมือนเดิม

ทั้งนี้ต่อมาจากการลงพื้นที่ไปที่วัดท่าเดื่อ(ร้าง) หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า อารามส้มสุก ม.12 ต.บ้านแม อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ เพื่อไปพบกับชาวบ้านเพื่อสำรวจหาข้อมูล พบว่าวัดท่าเดื่อ(ร้าง)หรืออารามส้มสุก มีเจดีย์พระธาตุ 1 องค์ ศาลาอเนกประสงค์ 1 หลัง และซากเก่าของวัดท่าเดื่อเดิม โดยบริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยไม้สักทองทำให้มีความร่มรื่น นอกจากนี้ชาวบ้านในพื้นที่ได้นำป้ายประท้วงไปติดเอาไว้โดยรอบ

นางจิตรกานต์ ด้วงวัง แกนนำศรัทธาวัดท่าเดื่อ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า วัดร้างแห่งนี้ชาวบ้านได้ช่วยกันดูแลกันมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ขณะนี้เกิดปัญหาบุคคลอื่นซึ่งเป็นคนนอกพื้นที่เข้ามาดูแล ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ไม่สามารถเข้ามาทำกิจกรรมทางศาสนาได้ ซึ่งปกติแล้วชาวบ้านจะเข้ามาปฏิบัติธรรม และประกอบพิธีสรงน้ำพระธาตุเป็นประจำทุกปี แต่เมื่อมีการโอนย้ายไปขึ้นกับที่อื่น ชาวบ้านจะทำอะไรต้องทำหนังสือไปขออนุญาต ซึ่งทำให้ชาวบ้านเกิดความไม่สะดวก ทั้งที่พื้นที่ตรงนี้วัดแห่งนี้เป็นของชุมชนท่าเดื่ออยู่แล้ว จึงอยากจะวอนผู้ที่มีอำนาจในเรื่องนี้ สั่งการคืนวัดท่าเดื่อร้างแห่งนี้ กลับคืนมาให้ชาวบ้าน


ยืนยันว่าชาวบ้านในพื้นที่มีศักยภาพพอที่จะดูแลศาสนสถานแห่งนี้ ชาวบ้านทุกคนต้องการจะให้เป็นพุทธศาสนาที่บริสุทธิ์ ไม่อยากให้มีเรื่องธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งจุดนี้อาจทำให้คนในชุมชนเกิดความแตกแยก เราอยากอยู่อย่างสงบแบบนี้ต่อไป

พระอธิการกฤษวรภัสร์ สุธมโม เจ้าอาวาสวัดท่าเดื่อ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า เดิมทีวัดท่าเดื่อตั้งอยู่ที่อารามส้มสุก สร้างมาตั้งแต่ก่อตั้งเมืองเชียงใหม่ ตามประวัติเคยเป็นที่ตั้งค่ายทหารของกองทัพพม่าในอดีต แต่พอเวลาผ่านไปเกิดน้ำท่วมบ่อย จึงมีการย้ายวัดท่าเดื่อมาที่ตั้งปัจจุบันเมื่อประมาณปี พ.ศ.2200 แต่ก็ไม่ได้มีการทิ้งวัดหลังเดิม จนเวลาล่วงเลยผ่านมาวัดท่าเดิมก็ร้างไปตามกาลเวลา หลังจากนั้นประมาณเมื่อเกือบ 100 ปีที่แล้ว จึงมีการกลับมาบูรณะอีกครั้งและทำเป็นวัดร้างที่มีความร่มรื่น เพื่อใช้ในการปฏิบัติธรรมประกอบศาสนพิธีต่างๆ ของพระ เณร และชาวบ้าน

ต่อมาทางวัดจึงได้ทำเรื่องที่จะยื่นให้มีการนำวัดท่าเดื่อร้างแห่งนี้ เข้ามาอยู่ในการดูแลของวัดท่าเดื่อ แต่ทางสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ กลับโอนย้ายวัดร้างแห่งนี้ไปให้กับวัดแห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นวัดขนาดใหญ่ให้เข้ามาดูแลแทน ทำให้ชาวบ้านและวัดท่าเดื่อไม่มีสิทธิ์ในการเข้ามาดูแลพื้นที่ หรือใช้ประโยชน์ในการประกอบศาสนพิธีหรือปฏิบัติธรรม เมื่อไหร่ที่ชาวบ้านหรือพระเณรเข้ามาทำกิจกรรม ก็จะมีเจ้าหน้าที่หรือสำนักงานพุทธฯ โทรมาแจ้งกับเจ้าอาวาส ขอให้หยุดกิจกรรมและออกจากพื้นที่วัดร้าง แต่ถ้าจะทำต้องทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรไปขออนุญาต

เจ้าอาวาสวัดท่าเดื่อ กล่าวต่อว่า แต่เมื่อสอบถามไปที่สำรักพุทธฯ ได้มีแจ้งกลับมาว่า อยากจะให้ปรับปรุงเพื่อยกระดับกลับมาเป็นวัด ชาวบ้านและวัดท่าเดื่อได้ช่วยกันปรับปรุงสร้างห้องน้ำเพิ่มเติม แต่ไม่สามารถสร้างกุฏิได้ เพราะยังไม่มีพระสงฆ์มาจำวัด เพราะพระสงฆ์และเณรจะมาจำวัดที่วัดท่าเดื่อ จนถึงขณะนี้การดำเนินการเรื่องดังกล่าวกับเงียบไป ไม่มีอะไรคืบหน้าชาวบ้านไม่สามารถเข้ามาทำกิจกรรมเดิมได้ ดูแลทำความสะอาดก็ไม่ได้ อยากจะฝากหน่วยงานที่เกี่ยวหรือผู้มีอำนาจในเรื่องนี้ช่วยมาลงพื้นที่ช่วยชาวบ้านด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นางสาวศรีนวล บุญลือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 8 เชียงใหม่ ซึ่งเป็นผู้ดูแลพื้นที่ดังกล่าว ได้เดินทางมารับหนังสือร้องเรียนจากชาวบ้าน และกล่าวกับชาวบ้านว่า ในฐานะที่เป็นสส. จะนำความเดือดร้อนดังกล่าวของชาวบ้าน ไปยื่นต่อคณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาช่วยเหลือ และประสานผู้ที่เกี่ยวข้องช่วยมาตรวจสอบให้กับชาวบ้าน