เตือนระวัง “โรคฉี่หนู” โดยเฉพาะช่วงหน้าฝน ปีนี้ป่วยแล้วกว่า 907 คน เสียชีวิตแล้ว 13 ราย

668

เตือนระวัง “โรคฉี่หนู” โดยเฉพาะช่วงหน้าฝน ปีนี้ป่วยแล้วกว่า 907 คน เสียชีวิตแล้ว 13 ราย

เข้าสู่เดือนกันยายน ปลายฝนต้นหนาว ช่วงนี้พายุพัดผ่านเข้ามาประเทศไทย เกิดฝนตกบ่อยครั้ง ทำให้มีน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่   เกิดความชื้นแฉะ  ซึ่งอาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคต่างๆ  ที่สำคัญคือ โรคเลปโตสไปโรซิส (Leptospirosis) หรือ โรคฉี่หนู ที่สามารถแพร่เชื้อจากสัตว์สู่คนได้ โรคฉี่หนู เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า เลปโตสไปร่า (Leptospira) เชื้อจะถูกปล่อยออกมากับปัสสาวะของสัตว์ที่มีเชื้อ ได้แก่ หนู สุนัข หมู โค กระบือ สุกร แพะ แกะ  แต่พบมากในหนู สถานการณ์ในประเทศไทยปีนี้พบผู้ป่วย 907 รายเสียชีวิตแล้ว 13 ราย

นายแพทย์ธีรวัฒน์ วลัยเสถียร ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 เปิดเผยข้อมูลจากกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ถึงสถานการณ์ของ โรคเลปโตสไปโรซิส (Leptospirosis) หรือ โรคฉี่หนูในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 5 กันยายน2563  ว่าพบผู้ป่วยทั่วประเทศ  907 ราย เสียชีวิต 13 ราย ส่วนสถานการณ์ในเขตสุขภาพที่ 7 (ร้อยเอ็ด ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม) พบผู้ป่วย 51 ราย  มีผู้เสียชีวิต 1  ราย จังหวัดที่มีอัตราป่วยสูงสุดคือ จังหวัดมหาสารคาม รองลงมาคือจังหวัดกาฬสินธุ์   ซึ่งเชื้อที่ก่อให้เกิดโรคฉี่หนู สามารถเข้าสู่ร่างกายโดยตรงจากการสัมผัสเชื้อในปัสสาวะสัตว์หรือเนื้อสัตว์ที่ปนเปื้อนเชื้อ ซึ่งเข้าร่างกายโดยการกินอาหาร น้ำที่ปนเปื้อน มาจากพืชผักธรรมชาติ พืชผักที่ปลูกไว้  รวมถึงภาชนะบรรจุอาหารที่ปนเปื้อน และสามารถเข้าสู่ร่างกายโดยทางอ้อมขณะย่ำดินโคลน แช่น้ำท่วมหรือว่ายน้ำ หลังได้รับเชื้อแล้ว จะแสดงอาการโดยเฉลี่ยประมาณ 10 วัน อาการสำคัญ คือ ไข้สูง ร่วมกับปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อน่อง ภาวะเยื่อบุตาบวมแดง บางรายมีผื่น และอาการตัวเหลืองร่วมด้วย

“การป้องกันสำหรับผู้ที่มีความจำเป็นต้องสัมผัส แหล่งน้ำขัง หรือ ดิน โคลนที่ชื้นแฉะ ควรสวมรองเท้าบูท ถุงมือ หรือชุดป้องกันและรีบทำความสะอาดร่างกายทันทีหลังจากเสร็จภารกิจ ส่วนผู้ที่มีบาดแผลไม่ควรลงแช่ในน้ำหรือลุยโคลนเด็ดขาด หากมีประวัติความเสี่ยง แล้วมีอาการไข้สูง ปวดศีรษะ ร่วมกับอาการปวดกล้ามเนื้อน่อง ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษา หากปล่อยไว้นานอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงทำให้เสียชีวิตได้” นายแพทย์ธีรวัฒน์ วลัยเสถียร กล่าว.