(มีคลิป Video) ธารน้ำใจหลั่งไหลช่วยเหลือ “ป้าสุ” แม่ค้าส้มตำผู้พิการ เจ้าตัวไหว้ขอบคุณทุกน้ำใจ ยันจะนำเงินที่ได้ไปรักษาตัวใช้ทุกบาททุกสตางค์ให้เกิดประโยชน์

7603

(มีคลิป Video) ธารน้ำใจหลั่งไหลช่วยเหลือ “ป้าสุ” แม่ค้าส้มตำผู้พิการ เจ้าตัวไหว้ขอบคุณทุกน้ำใจที่ให้การช่วยเหลือ หลังกระแสข่าวบนโลกโซเชียลเผยแพร่ ล่าสุดมีทั้งซื้อของมาให้ และโอนเงินช่วย ยันจะนำเงินที่ได้ไปรักษาตัว ใช้ทุกบาททุกสตางค์ให้เกิดประโยชน์ และขอบุญของการช่วยเหลือย้อนสู่ตัวผู้ให้

วันที่ 9 กันยายน 2563 รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีที่วานนี้ ทางผู้สื่อข่าวได้นำเสนอเรื่องราวของ นางสุรางคนา จันทร์เยี่ยม หรือ “ป้าสุ” อายุ 59 ปี แม่ค้าขายส้มตำ ที่พิการขาขาด อาศัยอยู่เพียงลำพังที่ห้องเช่าแคบๆ ภายในบริเวณ ซอย 3 ถนนระแกง ต.ช้างคลาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งกำลังประสบกับปัญหาความเป็นอยู่ขาดแคลนรายได้และทุนทรัพย์ในการดำรงชีวิต และอาศัยหาเงินเลี้ยงชีพด้วยการเข็นรถเข็นจากที่พักเพื่อไปขายส้มตำที่บริเวณถนนย่านประตูเชียงใหม่เพื่อหาเงินเลี้ยงชีพ แต่ด้วยผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลทำให้ตอนนี้ขายของได้ไม่ค่อยดี อีกทั้งยังมีภาระหนี้สิน ค้างค่าเช่าห้องมานาน 3 เดือนกว่า รวมเป็นเงิน 6,000 กว่าบาท รวมไปถึงไม่มีเงินพอจะซื่อข้างกินต้องกินข้าวคลุกน้ำปลา ประกอบกับมีโรคประจำตัวที่ต้องรักษาแต่ก็ไม่มีเงินไปหาหมอหรือซื้อยา และต่อมามีผู้คนบนโซเชียลพบเห็นเรื่องราวดังกล่าว ต่างแชร์ข้อมูล พร้อมทั้งได้ให้ความช่วยเหลือหลายช่องทางตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้วนั้น

-(มีคลิป) ชีวิตสุดรันทด ป้าขายส้มตำวัย 58 ปี พิการขาขาด เช่าห้องพักแคบๆ เคราะห์ซ้ำผลกระทบโควิด ขายของแทบไม่ได้ ค้างค่าเช่าห้องกว่า 3 เดือน

สำหรับความคืบหน้าล่าสุด ในช่วงสายวันนี้ทางผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบที่ห้องพักของ “ป้าสุ” อีกครั้ง ซึ่งพบว่าได้มีคนที่ทราบข่าวเดินทางนำสิ่งของทั้งน้ำดื่ม ข้าวสาร อาหารแห้ง เพื่อช่วยเหลือ “ป้าสุ” บ้างบางส่วน อีกทั้งยังมีคนที่ทราบข่าวเดินทางมาอุดหนุนส้มตำป้าถึงหน้าห้อง เนื่องจากวันนี้ช่วงเช้าเกิดฝนตกทำให้ “ป้าสุ” ไม่สามารถไปขายของได้ ขณะเดียวกันจากการสอบถามทางด้าน “ป้าสุ” ทราบว่า ภายหลังจากที่มีข่าวออกไปแล้วนั้นก็มีคนโทรศัพท์ติดต่อมาหาเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงบางรายที่โอนเงินช่วยเหลือมาให้ก็มีการโทรมาบอก และบางรายก็เดินทางมาหาที่ห้องพัก เพื่อซื้อข้าวของมาให้ ส่วนเรื่องยอดเงินที่มีหลายคนโอนมาช่วยเหลือนั้นขณะนี้ยังไม่ทราบจำนวนเงิน เนื่องจาก “ป้าสุ” ไม่มีบัตร ATM มีเพียงสมุดบัญชีธนาคารที่เป็นบัญชีเงินช่วยเหลือคนพิการเพียงเท่านั้น และยังไม่ได้มีการตรวจสอบยอดแต่อย่างใด ประกอบกับวันนี้ทั้งวันก็ยังไม่ได้ออกไปไหน และคาดว่าในวันพรุ่งนี้ซึ่งตั้งใจว่าจะไปหาหมอ ก็จะมีการนำสมุดบัญชีไปปรับและตรวจสอบยอดเงินที่มีคนโอนมาช่วยเหลืออีกที

blank

ขณะเดียวกัน “ป้าสุ” ได้เปิดเผยกับทางผู้สื่อข่าวว่า จากการช่วยเหลือของหลายๆ คนในครั้งนี้ ตนก็อยากขอบคุณทุกคนที่มีจิตใจเมตตาคนชราพิการอย่างตน โดยตนเชื่อว่าสิ่งที่ทุกคนให้ความช่วยเหลือตนจะย้อนกลับไปหาเจ้าของ โดยในส่วนของเงินที่ตนได้มาจากการช่วยเหลือของทุกๆ คนที่ให้มา ตนจะนำไปหาหมอเพื่อรักษาอาการป่วย เพราะได้ตั้งใจไว้แล้วว่าจะต้องเข้ารับการรักษาอย่างจริงจัง ส่วนเรื่องขาเทียม ตนก็ได้ไปขอสั่งทำไว้แล้วแต่ยังไม่ได้ไปเอาเพราะก่อนหน้านี้ก็ไม่มีเงินที่จะไปเอา รวมไปถึงหาซื้อเสื้อผ้า รองเท้า ที่ตอนนี้ที่มีอยู่ก็ชำรุดทรุดโทรม และหลังจากนี้ก็คิดว่าชีวิตความเป็นอยู่ก็คงจะดีขึ้น ส่วนหากมีเงินเหลือก็จำนำไปซ่อมแซมปรับปรุงรถเข็นที่ขายส้มตำ เพราะตอนนี้ก็เริ่มพังแล้ว ซึ่งตนยืนยันว่าจะใช้เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ทุกคนมอบมาเพื่อช่วยเหลือนั้นให้เป็นประโยชน์มากที่สุด และตั้งใจว่าหากใกล้เสียชีวิตไปแล้ว เงินดังกล่าวยังใช้ไม่หมดก็จะนำไปทำบุญ โอนมอบให้กับทางวัดเพื่อให้นำไปใช้ประโยชน์ต่อไป

ส่วนยอดเงินที่มีคนช่วยเหลือและได้มาตอนนี้ ตนก็ยังไม่ทราบว่ามีจำนวนเท่าไหร่ เพราะตนยังไม่ได้ไปโรงพยาบาล และไม่ได้ไปตรวจดูในบัญชี ซึ่งหากไปโรงพยาบาลก็จะทราบว่ามีเท่าไหร่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตนก็ไม่คิดว่าจะเบิกเงินดังกล่าวเอามาติดตัวมาก หรือเอามาใช้มาก เพราะเกรงว่าหากพกเงินติดตัวมากไปก็จะเป็นอันตราย และคิดว่าจะนำออกมาใช้ในยามจำเป็นเท่านั้น โดยเฉพาะในเรื่องของการรักษาตัว เนื่องจากตนไม่ได้ไปหาหมอหรือตรวจสุขภาพมา 2-3 ปีแล้ว ประกอบกับตอนนี้ก็มีโรคประจำตัวหลายๆ โรค และเมื่อมีเงินช่วยเหลือตนก็คิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะตั้งใจไปรักษาอาการป่วยที่เป็นอยู่ เพราะที่ผ่านมาการไปพบหมดหรือไปรักษาตัวแต่ละครั้งก็มีค่าใช้จ่าย ต้องเสียเงินประกอบกับปัจจุบันการใช้สิทธิบัตรก็มีค่าส่วนต่างในการรักษาอยู่ ซึ่งเงินที่ทุกคนทำบุญมาช่วยเหลือนั้นก็ถือเป็นกุศลในร่างกายของตนทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผู้ที่อยากมาอุดหนุนส้มตำของตนในช่วงนี้ตนอาจจะไม่ค่อยได้ไปขาย เพราะอาจจะต้องใช้เวลาไปหาหมอเพื่อรักษาตัว หรือถ้าใครอยากมาพบเจอหรืออุดหนุนตนก็สามารถมาหาที่ห้องพักได้ตลอด

“ป้าสุ” กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ตนรู้สึกดีใจมากที่มีหลายๆ คนได้ให้ความช่วยเหลือตน ทำให้ตนได้รักษาตัว ได้มีเงินไปหาหมอ ซึ่งตนอยากขอบคุณทุกๆ คนที่ช่วยเหลือตนในครั้งนี้ และจะขอใช้เงินที่ได้มีนี้ในการดูแลรักษา รวมไปถึงใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด